(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลงกรอบแคบเหมือนภูมิภาคกังวล QE-ห่วงการเมืองฉุดศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 13, 2013 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในกรอบแคบ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในแดนลบกันมากขึ้น เนื่องจากกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะชะลอการใช้มาตรการ QE ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา และหุ้นไทยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นมามากแล้วด้วย

ทั้งนี้ ทิศทาง Flow ตอนนี้เป็นลักษณะของการไหลออก หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้น รวมถึง Bond yield 10 ปีของสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาที่ 2.8% สูงสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งเป็นตัวสะท้อนสภาพคล่อง และกลับมากังวลเรื่อง QE อีกครั้ง

ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศคาดว่าจะเข้มข้นขึ้นในสัปดาห์หน้าก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องแก้ไขที่มาของสว. และการชุมนุมทางการเมืองยกระดับเป็นการต่อต้านรัฐบาลแล้ว ไม่ใช่คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงวิตกว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มขึ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,395-1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(12 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,750.67 จุด ลดลง 32.43 จุด (-0.21%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,767.69 จุด ลดลง 4.20 จุด (-0.24%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,919.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 60.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 235.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.39 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ไม่เปลี่ยนแปลง
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(12 พ.ย.)ที่ 1,413.08 จุด เพิ่มขึ้น 7.17 จุด(+0.51%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,295.90 ล้านบาท เมื่อ 12 พ.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(12 พ.ย.)ที่ 93.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.10 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(12 พ.ย.)ที่ 3.71 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.57/59 ยังจับตาการเมืองในประเทศ
  • นายกฯเชิญธุรกิจท่องเที่ยวประเมินสถานการณ์ 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ หลังชุมนุมส่อยืดเยื้อ ด้านสทท. แจงหากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอยู่ในพื้นที่จำกัด จะไม่กระทบการท่องเที่ยว มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุ 1.18 ล้านล้าน แต่หากชุมนุมยืดเยื้อ นักท่องเที่ยวอาจลดลงไตรมาสแรกปีหน้า ไม่น้อยกว่า 10%
  • คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ออกรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำปี 2556 โดยได้เรียกร้องให้ไทยยกเลิกนโยบายจำนำข้าว และลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรักษาสมดุลงบประมาณ และควบคุมระดับหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น
  • นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศบนเวทีราชดำเนินเมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ย. ว่าจะสู้ให้จบภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ และจะประเมิน 4 มาตรการอารยะขัดขืนในวันที่ 15 พ.ย.เพื่อดูว่าจะยกระดับการต่อสู้อย่างไร
  • แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าคำพิพากษาศาลโลกในคดีตีความคำตัดสินปราสาทพระวิหารจะไม่ทำให้เสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) รอบปราสาทพระวิหารแต่ก็มีข้อมูลจากหลายฝ่ายยืนยันไปในทางเดียวกันว่าคำพิพากษาของศาลในวรรค 98 กำหนดพื้นที่"บริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร"ออกไปทางทิศตะวันตกของปราสาท คาดเป็นพื้นที่ประมาณ 0.3 ตร.กม.หรือ 50 ไร่

*หุ้นเด่นวันนี้

-LH (โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 14.90 บาท คาดกำไรปีนี้ราว 6.7 พันล้านบาทซึงเติบโต 19% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 56 ทำได้แล้ว 4,915 ล้านบาทเติบโต 18%YoY ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะโอนคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง 3 โครงการและจะเริ่มโอนอีก 2 โครงการหนุนรายได้ทั้งปีน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับที่คาดราว 2.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 11% แนวโน้มผลประกอบการปี 57 จะเติบโตต่อเนื่องราว 7% เป็น 7.4 พันล้านบาท ทั้งนี้การจัดตั้งกองทุนรวมกองใหม่จะเลื่อนไปขายปี 57 ทำให้ประมาณการในปี 56 จะไม่มี upsideที่เป็นรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์

  • M(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 61.25 บาท รายงานกำไรงวด 3Q56 ดีกว่าคาด 14% เติบโต 5% YoY และ 10% QoQ เนื่องจากยอดขายโตตามการเปิดสาขาร้านอาหารเพิ่มและอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับขึ้นราคาอาหารตั้งแต่เดือน ก.ค.มองหุ้น M มีจุดเด่นจากผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตตามการขยายตัวของชุมชนเมืองในต่างจังหวัด นอกจากนี้การขายหุ้นเพิ่มทุน IPO ยังทำให้บริษัทมีเงินสดในมือกว่า 8-9 พันล้านบาท จึงมีโอกาสเห็นการขยายกิจการด้วยกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการอื่นเพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทำให้บริษัทมีความสามารถในการจ่ายปันผลสูง
  • KAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 10 บาท ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q56 ออกมาที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% QoQ และ 9% YoY ขณะที่บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 3Q56 ออกมาหุ้นละ 0.06 บาทด้วย (XD 26 พ.ย.)ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q56 จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากใน 3Q56 จากยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมทั้งขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade และรักษา Gross Margin ใกล้เคียงกับใน 3Q56
  • BLAND(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.80 บาท กำไรสุทธิ 2Q56/57 ที่ 698 ล้านบาท เติบโต +59.6% yoy และ +87.4% qoq โดยมีกำไรพิเศษ 2 รายการกำไรจากการซื้อคืนหนี้ระยะยาวจำนวน 228 ล้านบาท และ โอนกลับดอกเบี้ยค้างจ่าย 496 ล้านบาท และคาดจัดตั้งกอง REIT คืบหน้าสิ้นปีนี้ ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56/57 ที่ 4,141 ล้านบาท +77% yoy และคาด BLAND จะมีกำไรพิเศษจากตั้ง REIT ราว 2,800-3,000 ล้านบาท บนสมมติฐานขนาดกองทุนที่ 1.95-2.0 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่า BV ที่ 2.25 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ