"ไทยคมได้จัดหาดาวเทียมมาให้บริการเป็นการชั่วคราวก่อนการส่งดาวเทียมไทยคม 6 ซึ่งขณะนี้ดาวเทียมดังกล่าวได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ช่องสัญญาณของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน โดยเป็นบริการที่อยู่ในช่วงส่งผ่านไปสู่การใช้งานดาวเทียมไทยคม 6 อย่างเต็มรูปแบบ"นางศุภจี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาและสรรค์สร้างนวัตกรรมที่ล้ำหน้าผ่านบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น การส่งภาพยนตร์ให้แก่โรงภาพยนตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความร่วมมือกับ บริษัท โกลบอล อีเกิ้ล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในการให้บริการสื่อสารแบบ Wi-Fi ผ่านดาวเทียมบนเครื่องบิน และในอนาคตอันใกล้นี้ กับอีกก้าวที่สำคัญของไทยคม นั่นคือการส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรในปี 57
“ไทยคมยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโซลูชั่นและนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้า โดยเมื่อเร็วๆ นี้บริษัทมีโอกาสในการนำเสนอเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร ภายใต้ชื่อ “SATCOM On The Move" โดยได้ใช้เทคโนโลยีนี้ผ่านบริการต่างๆ อาทิ การให้บริการสื่อสารในระบบ Wi-Fi ผ่านดาวเทียมบนเครื่องบิน หรือการติดตั้งอุปกรณ์บนเรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เพื่อช่วยเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างทหารเรือที่ออกเดินทางไปในทะเล กับฐานทัพที่อยู่บนฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นางศุภจี กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/56 มีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เติบโตขึ้น 400% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 68% จากไตรมาสที่แล้ว ปิดไตรมาส 3 ด้วยกำไรสุทธิรวม 840 ล้านบาท นับเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 9 โดยรายได้รวมจากการขายและการให้บริการในไตรมาส 3/56 รวมทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักยังคงมาจากสายธุรกิจดาวเทียมถึง 1,800 ล้านบาท
“บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยไทยคมจะยังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยคมสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับซีเนอร์โทน ในการให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศจีนได้อย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4" นางศุภจี กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือนั้น บริการอินเตอร์เน็ตและสื่อ โดยบมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ(CSL)มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/56 จำนวน 105 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นรายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตและบริการไอซีที ด้านบริษัทลาวโทรคมนาคม ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในประเทศลาว ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 โดยคิดเป็น 45% ของตลาดรวม