สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/56 สิ้นสุดเดือน ก.ย.56 บริษัทมีรายได้รวม 11,121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 989 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.76% และมีกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 367% และมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 10,129 ล้านบาทในไตรมาส 3/55 เป็น 11,120 ล้านบาทในไตรมาส 3/56 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 991 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.78% โดยรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากบริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ำมันที่สูงขึ้นจาก 335 ล้านลิตรในไตรมาส 3/55 เป็น 363 ล้านลิตรในไตรมาส 3/56
นอกจากนี้ บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ที่สูงขึ้นจาก 3.53% ในไตรมาส 3/55 เพิ่มขึ้นเป็น 4.52% ในไตรมาส 3/56 เนื่องมาจากการที่บริษัทมีสัดส่วนปริมาณการขายผ่านสถานีบริการของบริษัทเอง (สถานีบริการน้ำมัน COCO) มากขึ้นจาก 46% เป็น 63% โดยช่องทางการขายดังกล่าวถือว่าเป็นช่องทางการขายที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าช่องทางอื่น
นับจากนี้บริษัทพร้อมรองรับการขยายตัวและการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า จากการเปิดคลังน้ำมันแห่งใหม่ ซึ่งเป็นแห่งที่ 8 ในจังหวัดพิษณุโลก โดยสามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ม.ค.57 ประกอบกับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยสิ้นสุดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสถานีบริการน้ำมันพีทีรวมเกินกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี ในช่วงสิ้นปีนี้บริษัทก็ยังคงเดินหน้าที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมันพีทีแบบเดิมให้เป็นภาพลักษณ์ใหม่ โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้ได้ 200 สาขา ภายใน 2 ปี อีกทั้งยังไม่นับถึงการเปิดร้านสะดวกซื้อ“แมกซ์มาร์ท"และร้านกาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงคลับการ์ดสะสมแต้มอย่าง“แมกซ์การ์ด"สำหรับแลกของสมนาคุณให้กับลูกค้า ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าให้ความสนใจและสมัครเป็นจำนวนมาก
“เชื่อว่าในสิ้นปีนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายกิจการให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ทั้งในส่วนของการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันพีที การเปิดร้านแมกซ์มาร์ท และร้านกาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงการเพิ่มกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อรองรับการเปิดคลังน้ำมันแห่งใหม่ ซึ่งจะให้บริการได้ในมกราคมปีหน้า และการอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น บัตรคลับการ์ด"นายพิทักษ์ กล่าว