นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNRF เตรียมที่จะเพิ่มทุนเพื่อลงทุนในโครงการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 11,568 ล้านบาท (มูลค่าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมไม่เกินราคาที่ได้จากรายงานประเมินต่ำสุดเกินร้อยละ 10) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งร่วมเป็นผู้รับประกันจำหน่ายหน่วยลงทุน พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์ แมคควอรี (ประเทศไทย) จำกัด และคาดว่าจะเสนอขายได้ภายในเดือนธันวาคมศกนี้
สำหรับโครงสร้างการเพิ่มทุนกองทุน CPNRF ในครั้งนี้ จะมาจากการ 1) เสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมรวมจำนวนไม่เกิน 553.95 ล้านหน่วย จะทำให้ภายหลังจากการเพิ่มทุนกองทุนจะมีเงินทุนเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณไม่เกิน 25,552 ล้านบาท จากเงินทุนเดิม 15,763 ล้านบาท 2) และ/หรือเงินกู้ยืม 3) และ/หรือเงินสด
ทั้งนี้ การเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว จะเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมซึ่งมีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 (Book Closing Date) ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 และสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในครั้งนี้ ในอัตราส่วนเบื้องต้น 1 หน่วยลงทุนเดิมต่อ 0.34 หน่วยลงทุนเพิ่มทุน โดยราคาที่จะเสนอขายเบื้องต้นอยู่ระหว่าง 14.00 - 19.00 บาท/หน่วย ซึ่งนักลงทุนสามารถตรวจสอบสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนทางเว็บไซต์ www.scbam.com ภายหลังจากวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556
นางโชติกา กล่าวว่า การลงทุนเพิ่มเติมในโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มารายได้ของกองทุนรวมจากเดิม 3 โครงการ คือ โครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซาพระราม 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 และโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ซึ่งประกอบด้วยโครงการศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานทาวเวอร์ เอ และอาคารสำนักงานทาวเวอร์ บี ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพทั้งหมด นอกจากจะเป็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย (Trading Liquidity) จากจำนวนหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม คณะกรรมการลงทุนของกองทุนรวมยังได้มีมติจ่าย เงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานวันที่ 1 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2556 ที่เกิดขึ้นก่อนการเพิ่มทุนเพื่อ ลงทุนในโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ในอัตราหน่วยละ 0.2500 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน พักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการรับเงินปันผลในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2556 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 ด้วย
นางโชติกา กล่าวว่า กองทุน CPNRF มีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง โดยทรัพย์สินเดิมทั้ง 3 โครงการของ มีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ในระดับสูงมากกว่า 95% ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 โดยที่ผ่านมานับจากการจ่ายปันผลครั้งแรก (6 มีนาคม 2549) กองทุน CPNRF ได้จ่ายปันผล ไปแล้วเป็นจำนวน 7.4412บาทต่อหน่วย หากรวมผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 3/2556 ที่จะได้มีการ จ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ ในอัตรา 0.3167 บาทต่อหน่วย ก็จะมีประวัติการจ่ายปันผลรวมเป็นจำนวน เงิน 7.7579 บาทต่อหน่วย
ด้านนายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินบัญชี และบริหารความเสี่ยง บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวถึงการลงทุนในโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ว่า จะลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารศูนย์การค้า (บางส่วน) จำนวน 1 อาคาร อาคารอเนกประสงค์ (Multipurpose Hall) จำนวน 1 อาคาร รวมทั้งที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร (ตามสัดส่วนการใช้งานของพื้นที่อาคารศูนย์การค้าและอาคารอเนกประสงค์ที่กองทุนรวมจะลงทุน) รวมถึงการเช่า และ/หรือรับโอนกรรมสิทธิ์ในงานระบบและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับโครงการเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และการเช่าที่ดินที่เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์การค้า อาคารอเนกประสงค์ ที่จอดรถยนต์ภายในอาคาร รวมถึงถนนรอบ โครงการและทางเข้าออก (บางส่วน) รวมพื้นที่ใช้สอยที่กองทุนรวมจะลงทุนโดยประมาณ 122,991 ตารางเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปี จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 99.99
“ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีศักยภาพสูง อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี เป็นศูนย์การค้าที่ครบครัน (One-Stop Shopping Mall) ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ สามารถรองรับลูกค้าทั้ง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีผลการดำเนินงานที่ดี และยังมีผู้เช่าหลากหลาย โดยมีอัตราการเช่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2555) อยู่ที่ร้อยละ 99.4 ถือว่าเป็นอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูง ทั้งนี้ การที่กองทุนรวมจะเข้า ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจะทำให้แหล่งรายได้ของกองทุนรวมมีความหลากหลายมากขึ้น ถือเป็นโอกาสของผู้ถือหน่วยที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่ดีได้ในระยะยาว" นายนริศกล่าว