ขณะที่ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้รับทราบรายงานอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)ในเดือน ต.ค.56 อยู่ที่ 71.6% ลดลงจากระดับ 73.5% ในเดือน ต.ค.55
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายกำไรสุทธิมาที่กว่า 2 พันล้านบาท จากก่อนหน้าได้ปรับลดมาที่ 4 พันล้านบาท จากต้นปีที่คาดไว้ 6 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดลงไม่ได้ตามเป็นเป้าหมาย แม้ว่าจำนวนที่นั่งในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาราว 10%จากที่มีจำนวนเครื่องบินใหม่เข้ามามากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น)ของบริษัทเหลือน้อยมากอยู่ 1.5%
ขณะเดียวกันยังมีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการตั้งสำรองด้อยค่าเครื่องบินเก่า A340-500 จำนวน 4 ลำ และเครื่องบิน A300-600 จำนวน 3 ลำ จึงส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัท
ดังนั้น จะเตรียมแผน Turnaround หรือ Business Transformation เสนอคณะกรรมการบริษัทในเดือนธ.ค.56 นี้ เพื่อใช้ฟื้นฟูธุรกิจในช่วง 2 ปี (57-58) โดยเน้นสร้างรายได้ให้สูงขึ้น ควบคุมค่าใช้จ่าย
"ปีนี้ถึงขาดทุนหรือกำไรลดลง เราก็ต้องทำแผน Turnaround เพราะปีหน้าไตรมาสแรกการแข่งขันก็รุนแรงมาก...ปีนี้รายได้ที่คาดว่าจะเกินค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่ง อาจเกินไม่มากนัก"นายสรจักร กล่าว
นายสรจักร กล่าวว่า ในปีนี้ปริมาณที่นั่งเพิ่มขึ้น 10% จากการมีจำนวนเครื่องบินใหม่ 17 ลำ ในปีนี้ รับมอบอีก 14 ลำในปี 57 และอีก 8 ลำในปี 58 จากปัจจุบันที่มีเครื่องบินใช้งานแล้ว 95 ลำ อย่างไรก็ดี นายสรจักรยอมรับว่ารายได้ไม่สามารถเพิ่มขึ้นตามปริมาณที่นั่ง การขายยังไม่ดีขึ้น ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่คาดหวังจะตีตื้นมาได้หลังไตรมาสที่ผ่านมาผลงานออกมาน่าผิดหวัง จากปัจจัยการเมืองในประเทศ และ ทางการจีนที่ออกมาตรการเข้มงวดการท่องเที่ยว เมื่อต.ค.ที่ผ่านมา
นายสรจักร กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองในประเทศขณะนี้ บริษัทได้รับผลกระทบยอดลูกค้าในประเทศประมาณ 2-3% ส่วนลูกค้าต่างประเทศยังไม่ชัดเจน ขณะที่ลูกค้าจากจีนก็หายไปบ้างจากมาตรการเข้มงวดของทางการจีนซึ่งคาดว่าจะกระทบในช่วง 3-4 เดือนและอาจจะดึงคนกลับมาได้ ขณะที่ได้กำชับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ที่มี 16 ประเทศออกประกาศเตือนประชาชนที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยหลังจากมีการชุมนุมการเมืองว่าจำนวนผู้โดยสาร และยอดจองตั๋วโดยสารกระทบมากน้อยอย่างไร ซึ่งมองว่าหากการชุมนุมยืดเยื้อก็อาจได้รับผลกระทบ
ในวันนี้ คณะกรรมการบริษัทรับทราบผลการดำเนินงานด้านการขนส่งประจำเดือนตุลาคม 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) เพิ่มขึ้น 10.2% จากการรับมอบเครื่องบินใหม่และปรับเส้นทางบินให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร
ในเดือนนี้ บริษัทฯ ได้เปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังเมืองฉงชิ่งและฉางซา สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้บริการโดยการบินไทยสมายล์ ในขณะที่ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger — Kilometer : RPK) เพิ่มขึ้น 7.2% ส่งผลให้มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) รวมทั้งระบบเฉลี่ย 71.6% ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเฉลี่ย 73.5%
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นจำนวนผู้โดยสาร ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 1.71 ล้านคนในเดือนตุลาคม 2555 เป็น 1.77 ล้านคนในเดือนตุลาคม 2556 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.5% สำหรับการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง เป็นผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์ (Revenue Freight Ton-Kilometers : RFTK) ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.9% แต่ในขณะที่ปริมาณการผลิต (Available Dead Load Ton-Kilometers : ADTK) สูงกว่าปีก่อน 5.8% จากการรับมอบเครื่องบินใหม่ ส่งผลให้มีอัตราส่วนการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) โดยรวมทั้งใต้ท้องเครื่องบิน (Belly) และเครื่องบินขนส่งสินค้า (Freighter) เฉลี่ยเท่ากับ 53.2% ต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนที่เฉลี่ย 56.6%