สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.6 ปี, 5.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,406 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC16OB) มูลค่า 301.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT155A) มูลค่า 139.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 116.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 556.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,575 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,752 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,192 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1 bp. ปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ โดยนักลงทุนจับตาการส่งสัญญาณเกี่ยวกับมาตรการ QE จากประธาน Fed ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ Fed จะลดขนาดโครงการ QE ลงในการประชุมเดือน ธ.ค.ปีนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 4,192 ล้านบาท