(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวน์ตามตลาดภูมิภาค หลังสหรัฐฯเผยยังต้องใช้ QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 14, 2013 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณาศิส ประเสิรฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่จะรีบาวน์ขึ้นได้ในช่วงสั้น เป็นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ภายหลังจากที่ทางสหรัฐฯมีการเปิดเผยข้อมูลที่"เจเน็ต เยลเลน"ประธานเฟดคนใหม่จะพูดในคืนนี้ ในเรื่องที่ว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่ชัดเจน และยังมีความจำเป็นจะต้องใช้มาตรการ QE ต่อไป

อย่างไรก็ดี ปัจจัยการเมืองในประเทศยังกดดันตลาดฯอยู่ ดังนั้นการปรับขึ้นของดัชนี SET คงเป็นลักษณะของการขึ้นที่จำกัด พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,395 จุด แนวต้าน 1,425 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(13 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,821.63 จุด เพิ่มขึ้น 70.96 จุด (+0.45%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,782.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.31 จุด (+0.81%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,965.58 จุด เพิ่มขึ้น 45.66 จุด(+1.16%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 98.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 209.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 33.56 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 16.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.83 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.90 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(13 พ.ย.)ที่ 1,404.77 จุด ลดลง 8.31 จุด(-0.59%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,315.82 ล้านบาท เมื่อ 13 พ.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(13 พ.ย.)ที่ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.84 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(13 พ.ย.)ที่ 3.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.46/47 แข็งค่าจากวานนี้ หลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มใช้มาตรการ QE ต่อ
  • สศค.ระบุปัญหาการเมือง กระทบลงทุนภาครัฐชะลอ ดึงความเชื่อมั่นเอกชนลด หากยืดเยื้อกระทบท่องเที่ยว เตรียมนำ 3 ปัจจัย "การเมือง-ส่งออกไตรมาส 4-ตัวเลขสภาพัฒน์" มาพิจารณาปรับจีดีพีรอบใหม่ธ.ค.นี้ ด้านธนาคารโลกเชื่อการเมืองกระทบท่องเที่ยวไม่แรงเท่าปี 2553 ขณะที่ ธปท.ระบุนโยบายการเงินผ่อนคลายยังจำเป็นเหตุเศรษฐกิจโตน้อย เงินเฟ้อชะลอ ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันสอดรับสถานการณ์ ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายยังปกติ
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แนะนำให้ไทยเลิกการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ว่า ธปท.ได้รักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว และดอกเบี้ยในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่ำมาก ส่วนการจะลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินเมื่อใดนั้นต้องขึ้นอยู่กับภาวะทางเศรษฐกิจว่าดีขึ้นแค่ไหน แต่ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอน
  • ตลาดหลักทรัพย์ชี้ปัญหาการเมืองในประเทศ กระทบตลาดหุ้นน้อยกว่าปัจจัยภายนอก คาดการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติผันผวนหนัก มีโอกาสทั้งซื้อและขายออก แต่เงินร้อนน่าจะไหลออกหมดแล้ว หลังในช่วง 10 เดือน ต่างชาติเทขายแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท เชื่อแนวโน้มเม็ดเงินไหลกลับ เพราะพื้นฐานไทยยังดี
  • ธปท.ขยายวงเงินให้คนไทยนำเงินบาทออกนอกประเทศเพื่อนบ้านได้ 2 ล้านบาท จากเดิม 5 แสนบาท พร้อมเพิ่มตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงิน ระบุส่งเสริมการค้าชายแดน และรับเออีซี
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 อาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% หลังจากเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ความหวังพึ่งพาส่งออก การท่องเที่ยว เริ่มริบหรี่ลง
  • ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติ 426 ต่อ 20 เสียง เห็นชอบกับร่างกรอบเจรจาความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตามกฎหมายให้รายงานธุรกรรมทางการเงินบุคคลสัญชาติสหรัฐที่อยู่นอกประเทศ ซึ่งมีผลประโยชน์ทางภาษี (Foreign Account Tax Compliance Act : FATCA) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหรัฐ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TOG(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.70 บาท ผลประกอบการงวด 3Q56 มีกำไรดีกว่าคาด 33% พลิกจากขาดทุน 8 ล้านบาท ในปีก่อน และเติบโต 23% QoQ มาอยู่ที่ 55 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานปกติแข็งแรงต่อเนื่องหลังกระบวนการผลิตกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่งวด 2Q56 และยังมีรายได้พิเศษค่าสินไหมประกัน (11 ล้านบาท) เข้ามาเสริมอีกด้วย จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 8% เป็น 145 ล้านบาท นอกจากนี้ หุ้น TOG ยังมีจุดเด่นจากการมีรายได้หลักจากการส่งออกจึงทำให้มีความเสี่ยงต่ำจากปัญหาการเมืองในประเทศที่กำลังเป็นที่กังวลของนักลงทุนในช่วงนี้
  • SPALI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.40 บาท หลังจากประกาศกำไรสุทธิใน 3Q56 ออกมาดีกว่าที่คาด 13% เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อทิศทางของผลประกอบการใน 4Q56 ซึ่งเรามองว่าจะเป็นช่วงที่โดดเด่นที่สุดของปี 2556 ด้วย จากงานในมือที่คาดว่าจะบันทึกรายได้เข้ามาราว 7.2 พันล้านบาท ล่าสุดเรายังคงให้ SPALI เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มบ้าน โดยมีระดับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ในปัจจุบันราว 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถบันทึกรายได้เข้ามาในปี 2557 เลยราว 84% เป็นจุดเด่นที่จะช่วยสนับสนุนรายได้ในปีข้างหน้า
  • MINT(ฟินันเซีย ไซรัส)กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย กำไรสุทธิ +59% Q-Q, +21% Y-Y เป็น 707 ล้านบาท ดีกว่าคาดเล็กน้อยจากจากรายได้จากการขยายอสังหาฯที่สูงกว่าคาด สำหรับธุรกิจโรงแรมยังเติบโตแข็งแกร่ง ชดเชยธุรกิจอาหารที่ชะลอตามการบริโภคในประเทศได้ โดยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2013-14 ขึ้นเป็นเติบโต 21% และ 15% ตามลำดับ ยังคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 35 บาท และยังคงเป็น Top pick ในกลุ่มท่องเที่ยว
  • TASCO(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 90 บาท คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q56 จะเติบโตสูง +208% yoy และ +57% qoq เป็น 290 ล้านบาท จากยอดขายมะตอยในประเทศโตต่อเนื่อง และตลาดต่างประเทศยังขยายตัวได้ดี แนวโน้มผลประกอบการ 4Q56 ขยายตัวต่อเนื่อง qoq จากการซ่อมแซมถนนที่ได้รับความเสียหายจากการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 57 จังหวัดใน ต.ค.ที่ผ่านมา และราคาหุ้นมี Sentiment เชิงบวก เนื่องจากเป็น 1 ในหุ้น ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล อีกทั้งมี Valuation ที่ยังค่อนข้างถูก และกำไรเติบโตสูงถึง +61.5% yoy เป็น 1,037 ล้านบาท ในปี 2557

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ