และในเดือนธันวาคมนี้ บริษัทเตรียมจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจรวมถึงเป้าหมายยอดขายในปี 2557 เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพของความต้องการใช้ถ่านหิน และถือเป็นพลังงานทางเลือกที่ผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมต้องการใช้เพื่อที่จะลดต้นทุนทางการผลิตลง
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจพลังงานถ่านหินต่อจากนี้ คาดว่ายังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก ซี่งปัจจุบันราคาถ่านหินในตลาดโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และนับตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ เป็นต้นไป เชื่อว่าราคาถ่านหินจะเริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยคาดว่าในปี 2557 ผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่ในภูมิภาคนี้ทั้งประเทศจีนและอินเดียจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 บริษัทมีรายได้จากการขาย รวมจำนวน 3,828.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,039.98 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.29 เนื่องจากประสบความสำเร็จในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินงวด 9 เดือนที่ผ่านมาถือว่าเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก โดยมีปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินแตะ 6.5 ล้านตันแล้ว โดยเชื่อว่ายอดจำหน่ายถ่านหินปีนี้ น่าจะโตทะลุเป้าที่ 8 ล้านตันได้
ขณะที่ในส่วนของกำไรสุทธิไตรมาส 3/56 อยู่ที่ 262.78 ล้านบาท และงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 939.39 ล้านบาท
“รายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นนั้นถือเป็นขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายถ่านหินได้เพิ่มขึ้นทั้งจากตลาดภายในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะที่ประเทศจีน และอินเดีย ตามความต้องการถ่านหินของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทสามารถขยายฐานจำนวนลูกค้าได้เพิ่มขึ้น และการมีเหมืองถ่านหินเป็นของตัวเองทำให้สามารถจัดส่งถ่านหินได้ตามเป้าหมายที่รับคำสั่งซื้อมาจากลูกค้า ส่งผลให้ผลประกอบการของ EARTH ที่ประกาศออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพการเติบโตของธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ว่ายังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และหากให้มองภาพทั้งปีเชื่อว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีเช่นกัน"นายขจรพงศ์ กล่าว