ส่วนผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2556 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,363.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2,980.58 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 377.03 ล้านบาทลดลง 5.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไร 400.9 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน 43.97 ล้านบาท) ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้น มาจากช่องทางการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าโครงการ และตลาดต่างประเทศที่มีอัตราการขยายตัวได้เป็นอย่างดี
“ไตรมาส 3 ปีนี้ แม้ยอดขายเติบโตได้ดี แต่ตัวเลขกำไรสุทธิไม่โดดเด่นมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา DRT ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบการผลิตปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรสายการผลิตอิฐมวลเบาและ NT-10 ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางด้านการเงินจากดอกเบี้ยการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จึงส่งผลกระทบต่อตัวเลขกำไรในไตรมาสนี้" นายอัศนี กล่าว
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวถึงแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาส 4 คาดว่ายังมีอัตราการขยายตัวที่ดี ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคส่งผลต่อความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ประกอบกับห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่แต่ละรายยังลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสการขายสินค้าและทำยอดขายผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น โดยประเมินว่า สินค้ากลุ่มอิฐมวลเบาและไม้สังเคราะห์จะมีความต้องการสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าจะซื้อสินค้าเพื่อนำไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังน้ำลด
“ภาพรวมไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่างจังหวัดขยายตัวได้ดี รวมถึงการลงทุนขยายสาขากลุ่มห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เพิ่มสาขารองรับความต้องการซื้อสินค้า ซึ่ง DRT มีความพร้อมด้านการผลิตสินค้าที่หลากหลายครบวงจร เพื่อป้อนเข้าสู่ช่องทางขายต่างๆ ได้ดี จึงมั่นใจว่า ภาพรวมยอดขายปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่เราได้วางไว้" นายสาธิตกล่าว