KTC คาดกำไรสุทธิปี 56 โตตามเป้า จากเน้นเพิ่มสภาพคล่อง-แคมเปญใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 14, 2013 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลในช่วงโค้งท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายมากที่สุดในแต่ละปีว่า ในส่วนของบัตรเครดิต บริษัทฯ ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดที่คุ้มค่าเพื่อตอบสนองความต้องการสมาชิกที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเน้นการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าผ่านการใช้คะแนนสะสม Forever Rewards ที่ไม่ซับซ้อน สะดวก ไม่จำกัดยอดคะแนนสะสมสูงสุด และจุดเด่นที่คะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุ อีกทั้งการเพิ่มจุดแลกคะแนนสะสมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ในขณะที่การทำตลาดสินเชื่อบุคคล จะเน้นการออกแคมเปญใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน เน้นการเป็นสินเชื่อที่ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับสมาชิก และการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการจัดแคมเปญเคลียร์หนี้ต่อเนื่องเพื่อตอบแทนสมาชิกที่เปิดบัญชีสินเชื่อบุคคลกับเคทีซี และมีวินัยการใช้จ่ายเงินที่ดี

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีนโยบายต่อเนื่องในการปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั่วทั้งองค์กร โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบการติดตามหนี้และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง ซึ่งปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปี 2556 นี้บรรลุเป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้

สำหรับในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลยังคงเติบโตได้ดี สวนกระแสเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ จากการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่ำลง ภาคครัวเรือนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นจากภาวะหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงประเด็นการเมืองที่อาจมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต โดยบัตรเครดิตเติบโตที่ 14% ในขณะที่สินเชื่อบุคคลเติบโตที่ 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของเคทีซี บริษัทฯ มุ่งคัดสรรแคมเปญการตลาดที่แปลกใหม่ และผ่านการคัดกรองอย่างดีจากการวิเคราะห์ความต้องการสมาชิกในหลายมิติ เพื่อกระตุ้นธุรกิจและสมาชิกให้ได้รับความคุ้มค่าทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับสินเชื่อบุคคล ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากสมาชิก ทำให้พอร์ตลูกหนี้สุทธิรวมเติบโต และรายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำการปรับระบบการบริหารจัดการหนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นหนี้เสีย (Pre-Delinquent) ทำให้แก้ปัญหาการเกิดหนี้เสียได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้ดีขึ้น โดยวัดจากลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของพอร์ตรวมในไตรมาสนี้เท่ากับ 3.9% ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายการบริหารงานและค่าใช้จ่ายทางการเงินให้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้ผลกำไรไตรมาสนี้เติบโตกว่าเท่าตัว

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 เท่ากับ 308 ล้านบาท เติบโต 134% จากช่วงเดียวกันของปี 2555 เนื่องจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% อยู่ที่ 3,423 ล้านบาท จาก 3,117 ล้านบาท โดยที่รายได้ดอกเบี้ยรับ (รวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) และรายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 2,125 ล้านบาท และ 893 ล้านบาทตามลำดับ ในขณะที่จำนวนหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ แต่ค่าใช้จ่ายการบริหารงานและค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง อยู่ที่ 1,374 ล้านบาท และ 472 ล้านบาท ตามลำดับ

ด้านฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 48,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 46,043 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้รวมสุทธิเท่ากับ 44,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 41,661 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 2.18 ล้านบัญชี ประกอบด้วย บัตรเครดิต 1,550,887 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 30,708 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล “เคทีซี แคช" เท่ากับ 629,703 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 13,400 ล้านบาท เป็นต้น

ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 เท่ากับ 40.2% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีค่า 55.7% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 36.8% โดยค่าใช้จ่ายดำเนินงานรวมคิดเป็นเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในการจัดแคมเปญการตลาดที่สูงขึ้น"

บริษัทฯ มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) สำหรับไตรมาสที่ 3 เท่ากับ 14.2% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 13.2% จากการรักษาต้นทุนเงินให้ใกล้เคียงเดิม มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น เมื่อสิ้นไตรมาส 3 นี้ เท่ากับ 26,240 ล้านบาท ประกอบด้วยวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 8,210 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 7.2 เท่า ลดลงจาก 8.5 เท่า เมื่อสิ้นปี 2555 และต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ