สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 8.1 ปี, 3.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC15OA) มูลค่า 168.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC146A) มูลค่า 115.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC16NA) มูลค่า 60.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 344.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,858 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,900 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,065 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.59% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร ปริมาณการซื้อขายเบาบาง ล่าสุดประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งลดขนาดโครงการ QE เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งในพันธบัตรระยะสั้น และระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 3,065 ล้านบาท