ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ได้ภายในปี 57 และคาดว่าหุ้นของบริษัทจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในช่วงเดียวกัน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรี รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และมีการประกอบธุรกิจแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์แก้ว 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น และ 3.กลุ่มธุรกิจอื่น ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเป็นหลัก โดยผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และอุตสาหกรรมอาหารและยา
นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์หลากหลายประเภทสำหรับจำหน่ายในตลาดบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น ฝาพลาสติก ฝาจีบ ลังพลาสติก ขวดพลาสติก PET และกล่องลูกฟูก และยังมีการประกอบธุรกิจในด้านอื่นๆ ได้แก่ สโมสรฟุตบอล เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท
“เราเป็นผู้นำทางด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ในระดับชั้นแนวหน้าในภูมิภาคเอเชีย จากจุดเริ่มต้นของกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วเพียง 150 ตันต่อวัน ณ วันนี้เราพัฒนากำลังการผลิตขึ้นมาสูงถึง3,635 ตันต่อวัน และไม่เพียงแต่บรรจุภัณฑ์แก้วเท่านั้นที่เรามุ่งเน้นพัฒนา แต่มีความสามารถในการผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ด้วย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เติบโตในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง"กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว