พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)(KGI) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกด้วย พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 7 แห่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co Underwriter) ได้แก่ บล. บัวหลวง, บล. โนมูระ พัฒนสิน, บล. ฟินันเซีย ไซรัส, บล. ทิสโก้, บล. เอเซีย พลัส, บล. เคทีบี (ประเทศไทย) และ บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย)
น.ส.พัชรพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศมียอดจองหุ้นของ BJCHI ล้นกว่า 9 เท่า เพราะธุรกิจมีพื้นฐานดี โดยงวด 9 เดือนนี้กำไรสุทธิอยู่ที่ 952 ล้านบาท สูงกว่า 71% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดและมากกว่ากำไรปี 55 ทั้งปีที่ 790 ล้านบาท
เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายสูงขึ้นและมีความสามารถทำกำไรที่ดี โดยอัตรากำไรขั้นต้นเฉพาะไตรมาส 3/56 สูงถึง 51% และมีอัตรากำไรสุทธิ 45% สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 56 นี้บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 35-40% และอัตรากำไรสุทธิที่ 30-32% ได้
"ราคา IPO ที่ 30 บาท/หุ้นเป็นราคาที่ได้ book build นักลงทุนสถาบันชั้นนำ ซึ่งจองล้น 9 เท่าที่ระดับสูงสุด 30 บาท จึงมั่นใจนักลงทุนสนใจ เพราะ PE 8 เท่า ต่ำกว่าบริษัทในธุรกิจเดียวกันที่อยู่ในระดับ 16 เท่า คิดเป็นส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 52% จึงคิดว่า BJCHI จะเป็นหุ้นใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยขายหุ้น 80 ล้านหุ้น คาดว่าได้เงิน 2,400 ล้านบาทจากการระดมทุน โดย 40% ขายให้นักลงทุนสถาบัน ส่วนใหญ่เป็นกองทุนรวมในประเทศ"น.ส.พัชรพร กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 56 คาดว่ารายได้ของ BJCHI จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ 15% หลังจากรายได้ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ทำได้แล้ว 3,018 ล้านบาท เติบโต 25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 2.4 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(backlog)แล้วมูลค่าราว 2,500 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้และปีถัดไป
นายหยังเจิน ลี มั่นใจว่า บริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางวิศวกรรมและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่มายาวนาน ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มผู้รับเหมาโครงการและกลุ่มเจ้าของโครงการโดยตรง ทำให้บริษัทมีขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจที่ดี สามารถรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ทั่วโลกที่กำลังขยายตัว และจัดเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง คู่แข่งน้อยราย การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรง จึงส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้าว่ารายได้จะเติบโตราวปีละ 15% เนื่องจากบริษัทจะมีงานประมูลเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ในออสเตรเลีย เช่น กลุ่มปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และเหมืองแร่ ซึ่งประเมินว่าจะมีโครงการลงทุนประเภทเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 350 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วงเวลาระหว่างปี 56-60 ดังนั้น บริษัทก็มีโอกาสจะได้รับงานที่เกี่ยวข้องบางส่วน
ทั้งนี้ ปี 57 ตามแผนงานของบริษัทเชื่อว่าจะมีงานเข้ามาตลอด ซึ่งขณะนี้ยังมีงานประมูลที่รอผลอยู่อีกจำนวนหนึ่งและยังยื่นประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยงานส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศ จึงมั่นใจว่าในปีหน้ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 15%
ปัจจุบัน BJCHI มีทุนจดทะเบียนจำนวน 320 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 240 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ส่วนที่เหลือ 80 ล้านหุ้นเตรียมเสนอขาย IPO เพื่อระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัท และลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่และปรับปรุงพื้นที่ภายในบริษัทฯ อีกทั้งยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในที่ดินและโรงงานแห่งใหม่อีกด้วย ส่วนจำนวนเงินที่เหลือจากจากโครงการลงทุนต่างๆ ก็จะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป