ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,627 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 18, 2013 17:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 58,627 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 28,104 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 47.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,345 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 34.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 610 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB155A (รุ่นอายุ 3.6 ปี, 8.1 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,127 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC148A) มูลค่า 204.0 ล้านบาท

2. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL16OB) มูลค่า 140.4 ล้านบาท

3. หุ้นกู้ของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP14NA) มูลค่า 107.7 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 452.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,157 ล้านบาท

2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,040 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 962 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%

>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ค่อนข้างทรงตัว โดยปรับเพิ่มขึ้น 1-2 bp. ในช่วงอายุ 3-10 ปี ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ส่วนใหญ่มาจากการประมูลตั๋วเงินคลัง โดยวันนี้ สศช. ประกาศอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ในไตรมาส 3/2556 เติบโตเพียงร้อยละ 2.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายจะเติบโตราวร้อยละ 1 สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) 962 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ