(เพิ่มเติม) "สุธากัญจน์"เล็งขาย IPO ต้นธ.ค.ลุ้นเข้าเทรดทันปีนี้,เจรจาร่วมทุนอินโดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 18, 2013 18:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปัญชฤทธิ์ มนต์เสรีนุสรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.สุธากัญจน์(SUTHA) คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก(IPO) ได้ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ และเบื้องต้นคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 56

ทั้งนี้ SUTHA ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทปูนขาว คือ แคลเซียมออกไซด์และแคลเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเป็นวัตถุดิบในการดึงสารเจือปนต่างๆ ในกระบวนการหลอม ฟอกและตกตะกอน เป็นสารช่วยปรับสภาพความเป็นกรดให้เป็นกลาง เป็นต้น ซึ่งปูนขาวเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 โดยมีโรงงานผลิตจำนวน 2 โรงงานในสระบุรีและลพบุรี มีเตาเผาปูน 6 เตา รวมมีกำลังการผลิตปูนขาวร้อนทั้งสิ้น 900 ตัน/วัน

นอกจากนี้ยังผลิตและจำหน่ายแคลเซียมคาร์บอเนต ที่ใช้เป็นสารเติมเต็ม และตัวเพิ่มปริมาณ เพื่อลดต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมพลาสติก พีวีซีและยาง รวมทั้งมีธุรกิจซื้อมาขายไปและรายได้จากบริการอื่น

นายปัญชฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์ผลประกอบการในปี 56 รายได้จะเติบโตราว 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 837 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 428 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 39% และอัตรากำไรสุทธิที่ 13% จากการบริหารต้นทุนที่ดี

ส่วนปี 57 บริษัทคาดรายได้จะเติบโตต่อเนื่อง 10-15% โดยบริษัทมีแผนจะขยายตลาดส่งออกมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากตลาดในประเทศอยู่ที่ 90% และตลาดส่งออกอยู่ที่ 10% เนื่องจากมองว่าความต้องการปูนขาวนอกประเทศจะเติบโตขึ้นมากกว่าในประเทศ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของธุรกิจกลุ่มเหมืองแร่

"ปีหน้าตลาดในประเทศไม่เปลี่ยน แต่จะทำตลาดส่งออก เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว มากขึ้น ส่วนพม่าก็มีดีมานด์ แต่ยังไม่เยอะ"นายปัญชฤทธิ์ กล่าว

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปเพิ่มเครื่องจักรและซื้อเครื่องบดหินราว 70 ล้านบาท รวมทั้งหาโอกาสในการลดต้นทุน และชำระหนี้บางส่วน

"ถ้าติดตั้งเครื่องจักรต้นเดือนม.ค.คาดผลิตสินค้าจากปูนขาวได้ทันที ซึ่งการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ไม่ใช่เป็นการเพิ่มผลผลิตแต่เป็นการเอาสินค้าจากปูนขาวไปทำกระบวนการอื่นต่อ เพื่อขายได้มากขึ้น และมาร์จินดีขึ้น"นายปัญชฤทธิ์ กล่าว

นายปัญชฤทธิ์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้และพัฒนากรอบแนวทางความร่วมมือเพื่อจัดตั้งกิจการร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจการเผาหินปูน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในต้นปี 57 หลังจากตกลงเบื้องต้นกับคู่สัญญาซึ่งเป็นธุรกิจเหล็กรายใหญ่ในอินโดนีเซีย เพื่อเจรจาทั้งเรื่องโครงสร้างและเงื่อนไขของกิจการร่วมค้าดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ