สำหรับปี 57 บริษัทคาดว่าตลาดหุ้นไทยคงจะลดความน่าสนใจลง เนื่องจากราคาหุ้นไม่ถูกแล้ว และภาพรวมเศรษฐกิจอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นไทยคงจะลดลงจากระดับราว 4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ดังนั้น บริษัทคงจะต้องหันไปเน้นบริการด้าน Asset Management ในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจ เพื่อชดเชยรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะปรับลดลง
ประกอบกับ จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ เพราะมองว่าการลงทุนในต่างประเทศจะให้ผลตอบแทนดี โดยเฉพาะในยุโรป upside ยังสูง ในสหรัฐฯ มีหุ้นถูกน่าลงทุน รวมทั้งในญี่ปุ่น และจีน รวมทั้งการบริการด้านวานิชธนกิจ(IB)
"ปี 57 พอร์ตการลงทุนต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งอนุพันธ์ เพราะบริษัทสร้าง platform ไว้และคนเข้ามาทำธุรกรรมมากขึ้น ธุรกิจ IB ยังดี ปัจจุบันบริษัทเหลือดีล IB 20 ดีล เป็น IPO 9 ราย ซึ่งจะเข้าตลาดปี 57 ทั้งหมด ปัจจุบันยื่นไฟลิ่งก.ล.ต.ไปแล้ว 3 รายคงได้รับการอนุมัติเป็นระลอก ส่วนที่เหลือยื่นตามจังหวะที่เหมาะสม นอกจากนี้มี PO 1 ราย และที่ปรึกษาอีก 10 ราย ขณะที่การลงทุนในไทยจะลดลง"นายก้องเกียรติ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากค่านายหน้า 60% การลงทุน 20% การบริหารสินทรัพย์ลูกค้า 12% และส่วนที่เหลือเป็น IB และอื่นๆ แต่ในระยะยาวจะลดสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าลงเหลือ 50% และเพิ่มการลงทุนเป็น 25% การบริหารสินทรัพย์ลูกค้าเป็น 20% และอื่นๆ เพื่อ Balance รายได้มากขึ้น
"ค่านายหน้าที่ลดลงเพราะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม จึงเน้นไปที่การบริหารสินทรัพย์ให้ลูกค้า น่าจะเติบโตดีกว่า"
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ นายก้องเกียรติ มองว่า ยังมีหุ้นที่น่าสนใจลงทุนประมาณ 30-40 บริษัท จากหุ้นที่ยังพอลงทุนได้ราว 500 บริษัท โดยเน้นไปที่หุ้นที่ทำรายได้สม่ำเสมอและจ่ายปันผลสูง ทั้งนี้ คาดว่าในปี 57 กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยยังจะเติบโตได้เฉลี่ยราว 12% ส่วนปัจจัยการเมืองยอมรับว่าประเมินยาก แต่กระทบกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนี้แน่นอน จะเห็นได้จากเมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์ทำลายสถิติ และตลาดหุ้นต่างประเทศก็ปรับขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง