ก.ล.ต.เจรจาแบงก์ออมสิน-ไปรษณีย์-ร้านสะดวกซื้อ ขยายช่องทางขายกองทุนรวม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 20, 2013 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ต.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. มีแนวทางที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายกองทุนรวมให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารออมสิน บริษัท ไปรษณีย์ไทย รวมทั้งร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ 7-Eleven และเทสโก้โลตัส ให้เข้ามาร่วมเป็นช่องทางการจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 57

ทั้งนี่ ก.ล.ต.มองง่าแนวโน้มในปี 57 จะมีนักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาในระบบเพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้ที่มีนักลงทุนรายใหม่เข้ามากว่า 8-9 หมื่นราย เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในตลาดทุนากขึ้น และมีหุ้นใหม่ๆ เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ในปีหน้าจะมีกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นช่องทางการระดมทุนและการลงทุนแทนกองทุนอสังหาริมทรัพย์(Property fund)เดิม โดยปัจจุบันได้มีการยื่นขอจัดตั้งกอง REIT เข้ามาแล้ว 1 กอง คือ บริษัทในเครือ บมจ.บางกอกแลนด์(BLAND) โดยกอง REIT จะมีความแตกต่างจาก Property fund คือ สามารถกู้เงินได้ และใช้ทรัพยากรได้ไม่จำกัด รวมทั้งเจ้าของสินทรัพย์สามารถเข้าถือกองทุนได้มากสุดถึง 50% จากที่ Property fund สามารถถือได้เพียง 1 ใน 3 ของกองทุนเท่านั้น

นายวรพล กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัดที่จัดกิจกรรมมา 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี โดยครั้งแรกมีบริษัทต่างๆ ยื่นความจำนงเข้ามาถึง 105 บริษัท และมีสามารถเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้วกว่า 11 บริษัท และยังมีบริษัทที่อยู่ระหว่างการรอการอนุมัติอีก 6-7 บริษัท สำหรับครั้งที่ 2 มีผู้สนใจยื่นเข้ามากว่า 115 บริษัท ซึ่งมีหลายบริษัทได้รับการอนุมัติแล้วและอยู่ระหว่างรอเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ยังมีอีกหลายบริษัทรอการอนุมัติอยู่

ขณะที่ในช่วงเดือน ธ.ค.56 นี้จะมีการเปิดกิจกรรมภายใต้โครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด ครั้งที่ 3 ให้ผู้สนใจเข้ามายื่นข้อมูลเพิ่มเติมคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบริษัทตามจังหวัดต่างๆ

สำหรับเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น นายวรพล เชื่อว่า จะไม่กระทบต่อภาวะตลาดหุ้นของไทย เพราะนักลงทุนมีความเข้าใจ และชินกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันยังดีและไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง โดยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ยังมีบริษัทที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายราย ในปีนี้มีบริษัทเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์สูงสุดถึง 30 บริษัท และยังเหลืออีก 20 บริษัทที่ได้ยื่นไฟลิ่งและรอการอนุมัติเพื่อที่จะเข้ามาระดมทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ