สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB21DA และ LB155A (รุ่นอายุ 9.6 ปี, 8.1 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,712 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC13DB) มูลค่า 116.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 101.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC17OA) มูลค่า 85.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 303.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,204 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,297 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,585 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.62% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้น 3-6 bp. ในพันธบัตรรุ่นอายุ 3-10 ปี ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยล่าสุดประธานธนาคาร Fed ระบุว่า Fed จะยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินนานเท่าที่จำเป็น โดยจะเริ่มลดขนาด QE ก็ต่อเมื่อสัญญาณจ้างงานฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ Fed จะมีการยกเลิกมาตรการ QE ในปีหน้าจริง ก็ยังมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยใกล้แตะร้อยละ 0 ต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างยั่งยืน สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) 1,585 ล้านบาท