ส่วนในปี 56 ภาคเอกชนกลุ่มหลักที่ออกตราสารหนี้ คือ ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนั้น ยังมองว่าในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้น่าจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากผลของการลดขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)สหรัฐจะส่งผลให้มีการดึงเงินลงทุนกลับไป ทำให้สภาพคล่องจะในตลาดลดลง คาดว่าการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE)สหรัฐนั้น น่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงเดือน มี.ค.56
ด้านนายมงคล ลีลาธรรม นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เปิดเผยว่า การลงทุนในปีนี้ไม่สดใสมากนัก มองว่าช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนของปีนี้ดัชนี SET ก็ไม่น่าจะปรับตัวขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปฟื้นตัวยังไม่ได้ชัดเจนนัก โดยปัจจุบันอัตราการว่างงานยังสูงอยู่ ส่งผลให้การส่งออกของไทยในปีนี้อาจจะไม่เติบโตหรืออาจจะติดลบราว 1-2% ประกอบกับ การบริโภคที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าการท่องเที่ยวจะยังเติบโตดีอยู่ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง แต่หากเกิดความรุนแรงขึ้นอาจจะเกิดผลกระทบได้
ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจก็ยังจะยังทรงตัวอยู่ในระดับนี้จนถึงช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะปรับตัวดีขึ้น จากที่คาดว่าประเทศใหญ่ๆ น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ ซึ่งคาดว่าในปี 57 การเติบโตของเศรษฐกิจไทย GDP จะอยู่ที่ราว 4 % "การเติบโตของ GDP ในปี 57 น่าจะเติบโตได้ราว 4 % แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีแล้ว เพราะปัจจุบันสังคมไทยเริ่มเข้าสู่ ยุคคนชลาแล้ว" นายมงคล กล่าว
สำหรับการลงทุนในตลาดทุนไทยนั้น มองว่าประเทศไทยยังน่าสนใจ เนื่องจากให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3% แต่แนะนำว่าควรมีความระมัดระวังในการลงทุน และควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีที่ราคาต่ำกว่าตลาด