สำหรับไตรมาส 3/56 บริษัทมีรายได้รวม 793.55 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวปีก่อนที่มีรายได้รวม 551.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.78 และกำไรสุทธิ 21.26 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 89.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 123.74 ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้รวม 2,235.51 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,844.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.23 และมีกำไรสุทธิ 39.74 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 80.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 149.59
“ผลประกอบการ TPOLY ไตรมาส 3/56 และงวด 9 เดือน มีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากทั้ง 3 ขาคือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า อสังหาฯ และงานรับเหมาก่อสร้างก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยในส่วนของรับเหมาฯ รายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,968.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.75 เป็นผลจากวิสัยทัศน์ผู้บริหารและปัจจัยทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ส่วนโรงไฟฟ้าช้างแรกผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (KPI) ของทางบริษัทฯ ทำให้รายได้ของธุรกิจพลังงานสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ตอนแรก โดยปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 210,000 หน่วยต่อวัน จากที่ตั้งไว้ที่ 200,000 หน่วยต่อวัน คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างรายได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ 170 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถขายบ้านได้ตามแผน คาดว่าทั้งปีจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 220 ล้านบาท"นายไชยณรงค์ กล่าว
ความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าอื่นๆ ขณะนี้โรงไฟฟ้ามหาชัย กรีนเพาเวอร์ ได้รับการอนุมัติจากทางคณะกรรมการกลั่นกรองแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(Commercial Operation Date: COD) ได้ในช่วงต้นปี 58 ส่วนโรงไฟฟ้าทุ่งสัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการอนุมัติจากทางจังหวัดแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแก่กรมโรงงานต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPOLY กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ ขณะนี้เตรียมจัดตั้งบริษัทย่อย “พัทลุง กรีน เพาเวอร์" เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าที่จังหวัดพัทลุงต่อไป โดย TPOLY มีแผนจะนำบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัดว่า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในปีหน้า เพื่อระดมเงินทุนขยายธุรกิจพลังงาน โดยมั่นใจว่าบริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 160 MW ภายในปี 60 ตามแผนอย่างแน่นอน