"บริษัทจะเข้าประมูลงานในประเทศแถบอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ส่วนประเทศแถบตะวันออกกลางน้อย และในไทยมีแนวโน้มจะขยายโรงงานผลิตปิโตรเคมี โรงไฟฟ้าต่อเนื่องเช่นกัน"นายกอบชัย กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทคาดว่าจะสรุปรับงานใหม่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีได้งานใหม่เพิ่มเข้ามาแล้วมูลค่ารวม 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนบริษัทที่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากปี 55 รับงานใหม่ราว 520 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากบริษัทเข้าประมูลงานใหญ่ขึ้นหรือมูลค่างาน 200 ล้านเหรียญขึ้นไป
นายกอบชัย กล่าวว่า เมื่อบริษัทได้รับเงินจากการเพิ่มทุนเข้ามาในเดือนนี้จะยิ่งทำให้ฐานทุนแข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสรับงานมูลค่าใหญ่ได้มากขึ้น และคาดว่าภายใน 2-3 ปีนี้จะสร้างกระแสเงินสดจากกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"เราเป็น EPC ซึ่งแนวโน้มผูกพันความต้องการอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และพลังงาน คือโรงไฟฟ้า ความต้องการของกลุ่ม AEC สูงมาก เรื่องดีมานด์เราไม่ห่วง และคนที่ทำ EPC ได้มีไม่มาก"นายกอบชัย กล่าว
ขณะที่ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 5% โดยในงวด 9 เดือนทำได้ 4.7% และกำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 545.66 ล้านบาท ซึ่งงวด 9 เดือนทำได้แล้ว 524.95 ล้านบาท และในปี 57 ก็ยังตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 5% ใกล้เคียงปีนี้แต่คาดว่ากำไรสุทธิจะสูงขึ้น เนื่องจากรายได้รวมที่สูงขึ้นมาที่ 2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีนี้ที่คาดไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ที่เติบโต 30% จากปี 55 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท
ในปี 58 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 25% มาที่ 2.5 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิจะขยายตัวต่อเนื่อง โดยปี 58 ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 8% เนื่องจากจะมีรายได้และกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงมาก โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สูงถึง 50% โรงไฟฟ้าก๊าซ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 35-40% ขณะที่งาน EPC มีอัตรากำไรขั้นต้น 10-12%
ดังนั้น จึงตั้งเป้าในปี 58 จะเห็นผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบจากปี 55 ทั้งนี้ รายได้รวมในปี 58 จะมีสัดส่วนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า 10% จาก 5% ในปี 57 และอีก 90% มาจากงาน EPC
นอกจากนี้ ในปี 58 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากงานในต่างประเทศ 50% งานในประเทศ 25% และอีก 25% มาจากบริษัท โตโย-ไทยพาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ ซึ่ง TTCL ถือหุ้น 40% ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้า
*รอผลพม่าอนุมัติโรงไฟฟ้าในทิวาลา Q1/57
นายกอบชัย กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างรอผลการอนุมัติดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด(Ultra Super Critical:USC) ขนาดกำลังการผลิต 1 พันเมกะวัตต์ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษทิวาลาที่เมืองย่างกุ้งของพม่า ใช้เงินลงทุนราว 2 พันล้านเหรียญสหรั, หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท คาดว่ารัฐบาลพม่าจะมีข้อสรุปภายในไตรมาส 1/57
ทั้งนี้ หากได้รับการอนุม้ติบริษัทจะเดินหน้านำบริษัท โดโย-ไทย พาวเวอร์ โฮลดิ้งส์เข้าตฃาดหุ้นสิงคโปร์ เพื่อระดมทุนมาใช้ในโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งหาพันธมิตรเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา โดยพันธมิตรที่ต้องการได้แก่ พันธมิตรที่เป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินเพื่อจะได้มีความมั่นคงด้านซัพพลาย และ พันธมิตรที่มีเทคโนโลยีในการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า
นอกจากนี้ บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์ฟาร์ม)ในญี่ปุน ซึ่งขณะนี้ได้พื้นที่ 3 แห่งบนเกาะคิวชู คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 57 ใช้เวลาก่อสร้างไม่ถึง 1 ปีก็จะเริ่มรับรู้รายได้ โดยมองว่าแนวโน้มความต้องการโซลาร์ฟาร์มในญี่ป่นสูงขึ้นหลังจากที่ปิดการใช้พลังงานนิวเคลึยร์
ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนกังหันก๊าซที่เมือง Ahlond ในพม่า กำลังการผลิต 121 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) เมื่อไตรมาส 3/56 คาดว่าจะทำรายได้ 300 ล้านบาท/ปี รวมทั้งโรงไฟฟ้า SPP ที่นิคมนวนคร (บริษัทถือ 40%) กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ เริ่ม COD ใน ต.ค. 56 และ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จ.อ่างทอง กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ COD ไตรมาส 1/56