พร้อมกันนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศราว 4-5 แห่งเข้ากองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) คาดว่าจะได้รับข้อสรุปภายในเดือน ม.ค.57 หลังจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)มีความชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้ง REIT
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร CENTEL กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 57 เติบโต 15-20% มาที่ราว 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ตั้งเป้า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจอาหารราว 1 หมื่นล้านบาท และธุรกิจโรงแรม 9 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักราว 6-10% จากการปรับขึ้นในทุกตลาด รวมทั้งรายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์แห่งที่ 2 จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ทั้งปี
บริษัทตั้งงบลงทุนปีหน้า 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรม 600 ล้านบาท และธุรกิจอาหาร 600 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเปิดโรงแรมใหม่ในประเทศขนาด 150-200 ห้อง โดยใช้เงินลงทุน 300-320 ล้านบาท ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพิจารณาในไตรมาส 4/56 คาดว่าจะมีจำนวน 4-5 แห่ง และบริษัทยังจะเน้นรับจ้างบริหารเป็นหลักด้วย
ส่วนธุรกิจอาหารคาดจะเติบโตราว 5% จากปีนี้ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ประเมินว่าจะเติบโต 4%, การส่งออกเติบโต 10% และการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทมีแผนบริหารจัดการธุรกิจอาหาร 3 แบรนด์ที่ยังขาดทุนด้วยการปิดร้านที่ขาดทุน รวมทั้งเน้นการทำการตลาดมากขึ้น และควบคุมต้นทุนมากขึ้นแต่คุณภาพคงเดิม โดยเชื่อว่าการเมืองยังไม่กระทบธุรกิจอาหาร
ทั้งนี้ บริษัทจะรักษาระดับ DE ไม่เกิน 1.2 เท่า ขณที่ EBITDA ที่ 1,400 ล้านบาทในปีนี้ ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย นายรณชิต กล่าวว่า บริษัทคาดว่าการจัดตั้งกอง REIT น่าจะมีข้อสรุปราวเดือน ม.ค.57 ขณะนี้ยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับภาษี คาดว่าจะนำสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมทั้งในและต่างประเทศขายเข้ากองทุน โดยเงินที่ได้จะไปลงทุนขยายธุรกิจโรงแรมใน 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ(ลอนดอน) สิงคโปร์ ออสเตรเลีย(ซิดนีย์) และฮ่องกง ขนาดแห่งละ 200-300 ห้อง และปีหน้าจะมีการเซ็น MOU ซื้อกิจการโรงแรมในตะวันออกกลางจำนวน 2 โรงแรม ภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแกรนด์ และที่จีนได้เซ็น MOU ไปแล้วเหลือรอทำสัญญา
"ในปีหน้ายังกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ก็คาดหวังว่าจะให้จบโดยเร็วเพราะกระทบต่อธุรกิจโรงแรม ส่วนปัจจัยบวกในปีหน้าก็มีการที่ธุรกิจยุโรปค่อยๆดีขึ้น จะทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ปัจจุบันสัดส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปอยู่ที่ 35% ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38% และถ้าเศรษฐกิจดีจริงจะเพิ่มเป็น 40% ได้"นายรณชิต กล่าว