ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุน TGROWTH ซึ่งเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) มีหลายประการ ทั้งตัวทรัพย์สิน ทำเลที่ตั้ง และผู้บริหารทรัพย์สิน โดยทรัพย์สินซึ่งเป็นโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า บริหารโดยไทคอนและทีพาร์ค ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านภาคการผลิตและการกระจายสินค้าที่สำคัญของประเทศ ซึ่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสวนอุตสาหกรรม และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)
นอกจากนี้ กองทุนรวมยังจะได้รับประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะมาถึงในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของระบบคมนาคมและโลจิสติคส์ของประเทศ ที่ช่วยเพิ่มความต้องการใช้อาคารโรงงานและคลังสินค้ามาตรฐานให้เช่าให้มีมากยิ่งขึ้น
“ไทคอนและทีพาร์ค เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของประเทศไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี โดยมีการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่จะเพิ่มเติมอสังหาริมทรัพย์เข้ามาในกองทุน TGROWTH อีก ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนในอนาคต" นางโชติกากล่าว
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น มีโอกาสให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ขณะที่กองทุนรวมมีโอกาสจะได้รับรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราค่าเช่าในอนาคตด้วย
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (TICON) กล่าวว่า TGROWTH มีจำนวนเงินลงทุนของโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 1 กองทุนรวมจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงาน จำนวน 38 โรง จากของ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (ไทคอน) เป็นระยะเวลา 30 ปี และสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารคลังสินค้าจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด (ทีพาร์ค) จำนวนรวม 50 ยูนิต เป็นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งจะใช้แหล่งเงินลงทุนจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยลงทุนต่อนักลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 5,550 ล้านบาท และการลงทุนครั้งแรก ส่วนที่ 2 กองทุนรวมจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าในที่ดินและอาคารโรงงานจากไทคอนเป็นระยะเวลา 30 ปี เพิ่มเติมอีก 2 โรง โดยจะใช้แหล่งเงินลงทุนจากเงินกู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ จำนวน 460 ล้านบาท
ในส่วนของการลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 1 โรงงาน 38 โรง ของไทคอนกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร (บางปะกง), สวนอุตสาหกรรมโรจนะ, นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร รวมพื้นที่โรงงานประมาณ 104,225 ตารางเมตร บนพื้นที่ประมาณ 168 ไร่ ส่วนอาคารคลังสินค้า จำนวนรวม 50 ยูนิต ตั้งอยู่ที่โครงการโลจิสติคส์ พาร์ค บางนา และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (บางปะกง) รวมพื้นที่คลังสินค้าประมาณ 182,095 ตารางเมตร บนพื้นที่ประมาณ 214 ไร่ ในส่วนของการลงทุนครั้งแรกส่วนที่ 2 โรงงาน จำนวน 2 โรง ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ รวมพื้นที่โรงงานประมาณ 16,950 ตารางเมตร บนพื้นที่ประมาณ 22 ไร่
นางสาววรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายสายวาณิชธนกิจ 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน มั่นใจว่า TGROWTH จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะทรัพย์สินที่กองทุนรวมจะเข้าลงทุนนั้นประกอบด้วยโรงงานและอาคารคลังสินค้าให้เช่าแบบมาตรฐานที่มีคุณภาพสูง ใหม่ ทันสมัย อีกทั้งมีการกระจายประเภทของธุรกิจ ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจโรงงานให้เช่าหรือคลังสินค้าให้เช่าอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทต่างชาติชั้นนำและประกอบกิจการในอุตสาหกรรมที่มีการเจริญเติบโตสูง ซึ่งส่งผลถึงโอกาสสร้างความมั่นคงทางรายได้ค่าเช่าของทรัพย์สิน
ทั้งนี้ กองทุน TGROWTH จะเปิดเสนอขายในราคาหน่วยละ 10.0 บาท ด้วยจำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 4,000 หน่วย และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 หน่วย โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุน นอกจากนี้ยังมี บริษัท หลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี สิงค์โปร์ เป็นผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในต่างประเทศร่วมกับ ธนาคารบาร์เคลย์ สำหรับการจองซื้อจากนักลงทุนทั่วไปจะจัดสรรแบบในรูปแบบ Small Lot First ตามเกณฑ์การจัดสรรที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด