สำหรับกำไรในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 350 ล้านบาทสูงขึ้นจากปีก่อน หลังจากที่บริษัทจะบันทึกรายการพิเศษจากการขายสิทธิในการซื้อคืนที่ดินภายในเดือน พ.ย.นี้
ส่วนการนำ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต เข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น เลื่อนไปจากกำหนดเดิมในปีนี้ไปเป็นไตรมาส 1-2/57
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ CCP กล่าวถึงแผนงานในปี 57 ว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15 % จากการที่จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจาก การเพิ่มกำลังการผลิตของบมจ. สมาร์ทคอนกรีต เป็น 4.5 ล้านตารางเมตร/ปี จาก 3 ล้านตารางเมตร/ปี ประกอบกับงานในมือ (Backlog) ปัจจุบัน 2 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/56 จนถึง ไตรมาส 1/58
ขณะเดียวกัน คาดว่าธุรกิจคอนกรีตยังมีการขยายตัว จากการก่อสร้างโครงการประเภทต่างๆ ทั้งในส่วนของงาน โครงการภาครัฐ โครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และหากโครงการลงทุนภาครัฐในส่วนของงานโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน มีความชัดเจน จะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการเข้ารับงานคอนกรีตทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ CCP ได้มีการเตรียมความพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของโครงการต่างๆด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีการเพิ่มกำลังการผลิต ราว 20 % คาดว่าจะใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท และสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1/57 ขณะเดียวกันมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูปเกี่ยวกับงานระบายน้ำ และที่อยู่อาศัย ภายในช่วงต้นปี 57 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดวัสดุก่อสร้างทดแทนแรงงาน และจำกัดระยะเวลาในการก่อสร้าง
นายอาทิตย์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจผลิตและจำหน่ายคอนกรีตในช่วงไตรมาส 4/56 ยังมีแนวโน้มขยายตัวดี เป็นผลจากความต้องการคอนกรีต วัสดุก่อสร้าง ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรัฐและเอกชนในเขตภาคตะวันออก แม้ปัจจุบันหลายฝ่ายจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากโครงการที่มีการเปิดตัวไปในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและมีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ
"มีงานระยะสั้นที่สามารถส่งมอบงานได้ภายใน 1-2 เดือนเข้ามามากขึ้น ซึ่งจากการผลกระทบดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น อีกทั้งงานดังกล่าวยังมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์ดี"นายอาทิตย์กล่าว
ทั้งนี้ เป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 15% หรือมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ไม่มากนักเกิดจากเหตุการน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3-ต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ประกอบกับ ผลิตสินค้าไม่ทัน
แต่ในแงของกำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากมีการรับรู้รายได้รายการพิเศษจากการขายสิทธิ์ซื้อคืนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างร้านกันยงโฮมสโตร์ สาขาพัทยา ของบริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด ซึ่งทางชลบุรีกันยงได้ทำการโอนสิทธิ์ซื้อคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปแล้วเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยจะทำให้มีกำไรสุทธิที่จะรับรู้ภายในปีนี้แล้วกว่า 350 ล้านบาท
ขณะที่แผนการนำ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เลื่อนจากปี 56 นี้ไปเป็นช่วงไตรมาส 1-2/57 เนื่องจากปัจจุบัน คดีความที่เกิดขึ้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คาดว่าจะจบลงในวันที่ 30 ม.ค.57 และจากนั้นทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)คงจะเริ่มนับ 1 ไฟลิ่งได้