สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.6 ปี, 3.6 ปี และ 9.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,389 ล้านบาท หรือคิดเป็น 86% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC146A) มูลค่า 116.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 101.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY206A) มูลค่า 89.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 306.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,537 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,644 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -5,247 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.55% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.71% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.04%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3-7 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury นักลงทุนรอติดตามผลการประชุม กนง. วันพุธนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% และ ยังคงติดตามสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ซื่งอาจจะยืดเยื้อ มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว ยอดขายสุทธิ (Net Sell) 5,247 ล้านบาท