โดยเฉพาะเมื่อคืนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้สถานการณ์แย่ลง โดยคนต่างชาติที่จะเข้ามาในไทยก็คงจะต้องคิดแล้ว อีกทั้งม็อบก็ได้มีการยึดหน่วยงานราชการแล้ว ทำให้ความกังวลของนักลงทุนมีมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ เช้านี้ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงทะลุ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว เชื่อว่าตลาดฯคงจะยังมีความเสี่ยงจากที่นักลงทุนต่างชาติคงจะขายหุ้นต่อ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวไปในทางลบ ซึ่งก็เป็นแค่การซื้อขายทำกำไรทั่วไป ในช่วงที่ยังไม่ได้มีประเด็นอะไร
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,330-1,370 จุด แนะนำให้ถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมืองไปก่อน
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(25 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,072.54 จุด เพิ่มขึ้น 7.77 จุด (+0.05%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,802.48 จุด ลดลง 2.28 จุด (-0.13%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,994.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.92 จุด(+0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 117.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.79 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 9.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 7.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 2.52 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.74 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.76 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(25 พ.ย.)ที่ 1,352.86 จุด ลดลง 6.21 จุด(-0.46%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,477.58 ล้านบาท เมื่อ 25 พ.ย.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(25 พ.ย.)ที่ 94.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.75 ดอลลาร์ฯ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(25 พ.ย.)ที่ 5.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.03/05 อ่อนค่าจากประเด็นการเมือง-ดอลล์แข็ง
- นายกฯถก ครม.ชุดเล็ก ก่อนแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง คุม กทม.-นนทบุรีทั้งจังหวัด พ่วง อ.บางพลี กับ อ.ลาดหลุมแก้ว หวังรับมือม็อบดาวกระจายหลัง "สุเทพ" ปักหลักยึดสำนักงบกระทรวงคลัง ขณะที่ คปท.ปิดบัวแก้วพร้อมประกาศเดินหน้ายึดหน่วยราชการทั่วประเทศไม่ให้ทำงานอีกต่อไป ลั่นสถาปนาอำนาจประชาชน วางหลักเกณฑ์บ้านเมืองใหม่
- ค่าบาทอ่อนค่ารอบเกือบ 3 เดือน นักลงทุนเทขายกังวลสถานการณ์การเมืองตึงเครียดขึ้นจากการชุมนุมหลายจุด นักวิเคราะห์ชี้ยึดกระทรวงการคลัง ส่งผลกระทบความเชื่อมั่น จับตาผลกระทบเบิกจ่ายภาครัฐ ขณะเอกชนเรียกร้องทั้งสองฝ่ายเจรจา
- เมื่อวันที่ 25 พ.ย. กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณที่เวทีราชดำเนิน ได้เคลื่อนขบวนดาวกระจาย 13 จุดใน กทม. เข้ายึด 4 หน่วยงานราชการ ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กรมประชาสัมพันธ์ และกระทรวงการต่างประเทศ
- นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ยืนยันการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งหมดไม่กระทบ แม้ว่าม็อบจะปิดล้อมและยึดกระทรวงการคลังจนทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานไม่ได้ เนื่องจากมีระบบสำรองเตรียมไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าอยู่ที่ใด
- "ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช" นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการชุมนุมทางการเมือง (ม็อบ) โดยคนไทยยกเลิกแพ็กเกจทัวร์เดินทางช่วงวันหยุดวันพ่อและวันรัฐธรรมนูญสูงถึงกว่า 50% คาดตลอดเดือนธ.ค.นี้ จะสูญเสียรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีบรรยากาศทางการท่องที่ยว
- เอดีบีกระทุ้งเอเชียและไทยใช้บทเรียนทุนไหลออกจากอินโดนีเซียและอินเดีย ทำโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจ สาธารณูปโภคแข็งแกร่ง ใช้ตลาดตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่น เป็นกันชนรับสถานการณ์ลดใช้คิวอีสหรัฐปีหน้า ด้าน "บัณฑิต" ชี้ปัญหาการเมืองไทยไม่น่าห่วงเท่าสหรัฐลดคิวอี มั่นใจตลาดตราสารหนี้ไทยยังน่าลงทุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 46 บาท ตอกย้ำความมั่นใจยอดขายโต 13-15% รับอานิสงส์จากการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หนุนอำนาจการซื้อมากขึ้น ขณะที่การชุมนุมการเมืองไม่กระทบแต่กลับเป็นปัจจัยบวกโดยเฉพาะสาขาที่ใกล้จุดชุมนุม เนื่องจากเป็นร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง และขายสินค้าที่จำเป็น ประกอบกับโปรโมชั่นแสตมป์ยังหนุน ส่งผลให้แนวโน้มในไตรมาส 4/56 จะมีการเติบโตดี อีกทั้งประโยชน์จากการซื้อกิจการ MAKRO ในแง่ของอำนาจการต่อรองและการใช้ทรัพยากรร่วมกันในอนาคต
- SPALI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.40 บาท มองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรงจากสถานการณ์ทางการเมืองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม เนื่องจากราคาหุ้นยังคงมีปัจจัยพื้นฐานในส่วนของผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเป็นปัจจัยสนับสนุน เริ่มตั้งแต่การที่ประเมินว่ากำไรสุทธิใน 4Q56 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี 2556 จากงานในมือที่คาดว่าจะบันทึกเป็นรายได้ราว 7.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี 2556 ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 3.26 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% YoY ขณะที่ในปี 2557 ประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 18.2% YoY
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 26.50 บาท มีความโดดเด่นกว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสารโดยเฉลี่ย โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2557 ของ SAMART ไว้ที่ 1.69 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.1% YoY เทียบกับกำไรสุทธิของหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่ศึกษาอยู่โดยเฉลี่ยซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 19.5% YoY ทั้งนี้ในปี 2557 ประเมินเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของ SIM และ SAMTEL จะกลับมาเติบโตตามปกติราว 5-10%
- HANA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 28 บาท ยังยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปีหน้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป เพราะ HANA มีสัดส่วนรายได้ทางตรงจากสหรัฐและยุโรปคิดเป็น 50% ของรายได้รวม สินค้าที่เติบโตดีได้แก่ Smart phone, Tablet, Automotive น่าจะชดเชยการอ่อนตัวลงของ Personal Computer ได้ทั้งหมด สำหรับกำลังการผลิตใหม่ที่โรงงานลำพูน 2 จะเข้ามาเร็วสุดเดือน พ.ค. 2014 และโรงงานกัมพูชาราว 4Q14 ยังคงคาดกำไรปกติปี 2014 เติบโตราว 21% สำหรับกำไรใน 4Q13 น่าจะชะลอ Q-Q ตามฤดูกาล วันนี้ขึ้น XD เงินปันผลงวด 9M13 หุ้นละ 0.50 บาท (Yield 2.2%) จ่ายเงิน 11 ธ.ค.
- KCE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 26.30 บาท ราคาหุ้น KCE มีแนวโน้ม Outperform ตลาดได้ในวันนี้ เนื่องจากเป็น 1 ในหุ้น ที่ถูกเพิ่มเข้าสู่การคำนวณดัชนี MSCI Global Small Cap ซึ่งจะมีการปรับน้ำหนักดัชนีในวันนี้ อีกทั้งเป็นหุ้นส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจำกัดจากเหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในประเทศ นอกจากนั้น ยังได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท เบื้องต้นคาดกำไร 4Q56 จะขยายตัว +136% yoy เป็น 248 ล้านบาท และแนวโน้มปีหน้าสดใสจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และราคาหุ้นมี Valuation ที่น่าสนใจ