ทั้งนี้ แหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท แต่หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถใช้เงินกู้ได้
นายอดิเรก กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้จากการขายในปีนี้จะอยู่ที่ 3.8-3.9 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ 4 แสนล้านบาท หรือมีการเติบโตจากปีก่อนเพียง 10% จากเป้าหมายเดิมคาดว่าจะเติบโต 15% ขณะที่ในปี 57 คาดว่ารายได้จากการขายจะเติบโตได้ถึง 15% มาที่ประมาณ 4.6 แสนล้านบาท
"ยอดขายปีนี้ไม่เกิน 4 แสนล้านบาท แต่ละปีเราตั้งเป้าโตปีละ 15%...ไม่ว่าจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง ธุรกิจเราก็ยังไปได้ เพราะคนยังต้องกิน ฉะนั้นธุรกิจเราไม่มีผลกระทบ"นายอดิเรก กล่าว
นายอดิเรก คาดว่า ในช่วงต้นปี 57 น่าจะได้ข้อสรุปการเจรจาเข้าซื้อกิจการอาหารในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่ใหญ่มาก
ด้านนายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหารด้านการตลาดกลาง CPF กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการในเบลเยี่ยมเป็นโรงงานทีมีเทคโนโลยีการผลิตอาหารแช่เย็น ซึ่งบริษัทมีแผนจะเข้าไปผลิตอาหารสำเร็จรูป ทั้งอาหารแช่เย็นและแช่แข็งภายใต้ใช้แบรนด์ CP เพื่อเจาะตลาดเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ และ เยอรมัน จะทำให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนขนส่งต่ำ
ขณะที่ปัจจุบันยอดขายสินค้าอาหารสำเร็จรูป(FOOD)ของบริษัทมีสัดส่วน 12% ของรายได้ 4 แสนล้านบาทในปีนี้ และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ใน 5 ปีข้างหน้าที่รายได้จะเติบโตเป็น 7 แสนล้านบาท ด้วยการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับผลิตภัณฑ์ของอาหารสำเร็จรูป ได้แก่ สินค้าอาหารสดที่มีแบรนด์"CP" , ไส้กรอก , อาหารพร้อมทาน (Ready Meal) และ อาหารสแน็ก (snack) เช่น แซนวิซ เบอร์เกอร์ เบเกอร์ลี่ เกี้ยวซ่า ทีใช้แบรนด์ของบริษัท