BJCHI ยืนยันเข้าเทรด 28 พ.ย.ตามกำหนด เชื่อการเมืองไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 26, 2013 14:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)(KGI) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี(BJCHI)มั่นใจว่า หุ้น BJCHI ที่จะเข้าทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 28 พ.ย.56 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน เพราะเป็นอีกทางเลือกให้นักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ

นายหยัง เจิน ลี กรรมการผู้จัดการ BJCHI กล่าวว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาการเมืองในปัจจุบัน บริษัทฯ มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคตของ BJCHI เนื่องจากบริษัทฯ มีฐานลูกค้ามาจากการเข้ารับงานโครงการในอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่จากตลาดต่างประเทศ ทั้งในทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เอเชีย ยุโรปและอเมริกา โดยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 54 ถึงปัจจุบัน BJCHI มีรายได้ตามสัญญามาจากตลาดต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งตลาดสำคัญอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

ทั้งนี้ บริษัทฯมองว่า ตลาดในประเทศออสเตรเลียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และเหมืองแร่ โดยคาดว่าจะมีโครงการลงทุนดังกล่าวประมาณ 350 โครงการซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในระหว่างปี 2556-2560 จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ สามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ตลอดจนความพร้อมของสินค้าและบริการทั้งงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก งานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ งานติดตั้งนอกสถานที่ และงานหล่อชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปเข้าไปแข่งขันรับงานเพิ่มมูลค่างานในมือให้มากขึ้น

อนึ่ง BJCHI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิตและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตามแบบและขนาดที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด

ปัจจุบัน BJCHI มีทุนจดทะเบียนจำนวน 320 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 240 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ส่วนที่เหลือ 80 ล้านหุ้น ได้เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทฯ และลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่และปรับปรุงพื้นที่ภายในบริษัทฯ อีกทั้งยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในที่ดินและโรงงานแห่งใหม่อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ