สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.6 ปี, 3.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 8,243 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL144A) มูลค่า 240.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI14NA) มูลค่า 91.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY206A) มูลค่า 89.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 421.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,624 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,074 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -362 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.55% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.7% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลกับปัญหาการเมือง ซึ่งกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยล่าสุด ADB เตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ GDP ไทยปีนี้ลงจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (Net Sell) 362 ล้านบาท