(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาสอ่อนลง เหตุกังวลการเมือง-ต่างชาติเทขายหนัก

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนลบ แต่ปัจจัยนอกประเทศขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไร พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,350-1,365 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(26 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,072.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.26 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,802.75 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด (+0.01%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,017.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.18 จุด(+0.58%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 100.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 27.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 39.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 6.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.11 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง
• ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(26 พ.ย.)ที่ 1,358.69 จุด เพิ่มขึ้น 5.83 จุด(+0.43%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 9,312.74 ล้านบาท เมื่อ 26 พ.ย.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(26 พ.ย.)ที่ 93.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.41 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(26 พ.ย.)ที่ 3.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 32.08/10 อ่อนค่าต่อเนื่อง-เหตุปัจจัยการเมืองกดดัน
• ต่างชาติทิ้งบอนด์หนักเดือนพ.ย.พุ่ง 5.7 หมื่นล้าน บาทหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์, ภาครัฐ-เอกชน จ่อหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้เพิ่ม หลังปัญหาการเมืองรุนแรงขึ้น สศค.ชี้ ม็อบปิดสถานที่ราชการส่อกระทบการเบิกจ่าย ฉุดเศรษฐกิจไตรมาส 4 ทรุด เล็งปรับจีดีพีปีนี้ใหม่เดือนหน้า รอประเมินปัจจัยการเมือง-ส่งออก คาดหั่นเหลือ 3% ขณะที่ "กอบศักดิ์" ฟันธงปีนี้โตต่ำ 3% พร้อมคาดปีหน้าไม่ถึง 4% เหตุการเมืองฉุดลงทุนรัฐแผ่ว ท่องเที่ยวส่อกระทบ ด้านพาณิชย์สั่งทูตแจงสถานการณ์คู่ค้า
• ประเดิมศึกซักฟอก"อภิสิทธิ์"อัดนายกฯมี 5 พฤติกรรมบริหารไม่โปร่งใส "จำนำข้าวโครงการแก้น้ำท่วม-บั่นทอนกระบวนการตรวจสอบ-กู้2ล้านล้านบาท-ออกกฎหมายเอื้อคนผิด" ด้าน "ยิ่งลักษณ์" ย้ำตลอด 2 ปี เคารพหลักประชาธิปไตย ส่วนเรื่องคอร์รัปชันเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
• คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ที่เดิมจะประชุมหารือภาคเอกชนองค์กรอื่นคือ สภาธุรกิจท่องเที่ยว สภาธุรกิจตลาดทุน และสมาคมบริษัทจดทะเบียน ในวันที่ 27 พ.ย. เพื่อกำหนดจุดยืนร่วมกันในสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดในขณะนี้ ได้ยกเลิกการประชุมกะทันหัน
• นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงไทยและอดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่ากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกยึดสำนักงบประมาณจะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลต้องล่าช้าออกไปทั้งในส่วนงบปี 2556 ที่ค้างอยู่และรอการเบิกจ่าย ตลอดจนงบปี 2557 ที่เริ่มทยอยตั้งเรื่องเบิกจ่ายตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงคงมีผลให้การประคับประคองแรงส่งสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2556 ต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้น จนกดดันให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบในปีนี้ อาจขยายตัวได้ในอัตราที่ชะลอลงมาเหลือ 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากคาดการณ์เดิมน่าจะขยายตัวได้ 11%
• นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ เชื่อว่ากนง.จะต้องเผชิญกับโจทย์ที่ยากในการตัดสินใจระหว่างการดูแลเศรษฐกิจและการดูแลภาวะเงินไหลออก หลังจากที่ปัญหาทางการเมืองเริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ จนทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าหลุดกรอบ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐหรืออ่อนค่าลงถึง 1 บาท ภายในระยะ 1 สัปดาห์

*หุ้นเด่นวันนี้

• AIT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 36 บาท ณ วันที่ 7 พ.ย. Backlog อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการ Bidding อีกประมาณ 750 ล้านบาท หากรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q13 เป็นจำนวน 1.5-2.0 พันล้านบาท ผู้บริหารเชื่อว่า Backlog ณ สิ้นปี 2013 จะไม่ต่ำกว่าระดับ 3 พันล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับสูง และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 49% ของรายได้ที่คาดในปี 2014 ที่ 6.15 พันล้านบาท (+10% Y-Y) ถือว่าประมาณการน่าจะมีความเป็นไปได้ แม้ว่าธุรกิจของบริษัทจะอ่อนไหวกับการเมืองแต่ประมาณการก็ไม่ได้ aggressive เกินไป และยังคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลตอบ 5-6% ต่อปี
• HOTPOT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.22 บาท เชื่อได้ผ่านจุดต่ำสุดของการทำธุรกิจไปแล้วและจะกลับมาทำกำไรเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในปี 2556 ที่ 73 ล้านบาท หลังจากปรับปรุงรูปแบบบริการร้านไดโดมอนรวมถึงโครงสร้างธุรกิจร้านอาหารในเครืออีก 5 แบรนด์ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน เราคาดว่าอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เคยสูงถึง 39% ในปี 2555 จะเหลือเพียง 9% ในปี 2556 — 2560 ทำให้ความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานกลับมาอยู่ในระดับเกิน 3% ต่อเนื่อง รวมทั้ง EBITDA Margin ก็ทรงตัวสูงถึง 13% ได้ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป
• JAS(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.20 บาท แม้ว่าจะไม่รวมประเด็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน(IFF) เข้ามา JAS ก็ถือว่าเป็นหุ้นที่มีทิศทางผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยที่เราประเมินว่ากำไรสุทธิใน 4Q56 จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากใน 3Q56 ส่งผลให้ทั้งปี 2556 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YoY และต่อเนื่องถึงปี 2557 เราประเมินว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอีก 9% YoY มาอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท ทั้งนี้บนประมาณการของเรายังไม่ได้รวมผลกระทบจาก IFF ที่คาดว่าจะจัดตั้งเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวถือเป็น Upside ของทั้งกำไรสุทธิ และมูลค่าเหมาะสมในปี 2557
• PSL(ทรีนีตี้)เป้า 21.30 บาท บริษัทฯเผยบริษัทลงนามสัญญาต่อเรือรวมทั้งสิ้น 4 ลำ โดยเป็นเรือเทกองขนาด 64,000 เดทเวทตันจำนวน 2 ลำ กำหนดรับมอบเรือในช่วงวันที่ 30 มิ.ย.57 และเรือเทกองขนาด 38,500 เดทเวทตันจำนวน 2 ลำ กำหนดรับมอบเรือในวันที่ 31 พ.ค.58 โดยใช้เงินลงทุนรวมกว่า 3,100 ล้านบาท ทั้งนี้แหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและเงินกู้สถาบันการเงิน โดยการสั่งต่อเรือถือว่าเป็นไปตามนโยบายการปรับลดอายุเฉลี่ยกองเรือของบริษัทซึ่งจะซื้อเรือที่มีอายุน้อยกว่าและขนาดใหญ่กว่า จึงมองว่าบริษัทได้อานิสงค์จากธุรกิจเดินเรือที่เริ่มฟื้นตัวอย่างเต็มที่ รวมทั้งการขยายกองเรือจะช่วยหนุนรายได้เพิ่ม