นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20 % และคาดปี 57 รายได้จะเติบโต 30% จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯจะสามารถรับรู้รายได้จากโรงผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม(PPP) จ.สุโขทัย ในการผลิตก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) เข้ามาเต็มปี และจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพอัดความดันสูง(CBG) ที่ โรงงานแม่แตง 2 จ.เชียงใหม่
ขณะที่การร่วมทุนกับบริษัท SEBIGAS (S.p.A) ผู้นำด้าน Bio-gas จากประเทศอิตาลี ภายใต้“UAC Energy" ซึ่งทางบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 49 % ในช่วงเดือน ม.ค.57 จะมีการเซ็นสัญญากับกระทรวงพลังงาน เพื่อที่จะรับงานโครงการโรงไบโอแมสจากหญ้าเนเปียร์ จำนวน 6 โครงการ โดยมีมูลค่าโครงการละ 160 ล้านบาท มีระยะเวลาการก่อสร้างราว 12 เดือน โดยจะมี 1 โครงการที่บริษัทเข้าไปลงทุนเอง และส่วนที่เหลือจะเป็นการรับเหมาก่อสร้างให้กับบริษัทเอกชนรายอื่น
ส่วนปี 57 บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากที่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 20-22% เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากด้านพลังงานมากขึ้น โดยคาดว่าปี 57 บริษัทจะมีรายได้จากพลังงาน 20-30% จากปีนี้ที่มีรายได้หลักจากธุรกิจเทรดดิ้งอยู่ที่ 85-90%
"ในปีหน้าเราจะมีรายได้จากด้านพลังงานมากขึ้นเป็น 20-30% จากที่ปีนี้ยังมีรายได้หลักจากธุรกิจเทรดดิ้งที่มีสัดส่วนมากถึง 85-90% ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 25%"นายกิตติ กล่าว
สำหรับในปี 58-59 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายโครงการ CBG จำนวน 20 แห่ง ในภาคเหนือและอีสานที่จะเสร็จทั้งหมดในปี 58 และเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปี 59 เป็นต้นไป