สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.6 ปี, 3.6 ปี และ 1.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,637 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL144A) มูลค่า 415.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG143A) มูลค่า 206.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI185C) มูลค่า 88.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 710.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 895 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,003 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -767 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.3% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.25% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.17%
Yield Curve ปรับลดลงทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 14-26 bps. หลังจาก กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของตลาด โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งอยู่ในภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ กนง. ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลง จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตที่ 3.7% เหลือ 3% และปี 2557 จากเดิม 4.8% เหลือ 4% สำหรับผลการจำหน่ายพันธบัตร ธกส.รุ่น GGLB16NA มียอดจองซื้อ 37,000 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 75,000 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (Net Sell) 767 ล้านบาท