ในปี 57 งานโครงการยังเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 70% ยังคงมีทิศทางเติบโตขึ้น จากลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้าประเภท LED เพิ่มขึ้น
โดยในปีหน้าบริษัทจะมีการขยายตลาด ซึ่งจะเน้นตลาดขายปลีกและขายส่ง เนื่องจากบริษัทฯมีสินค้าประเภท Consumer product ที่เป็นหลอด LED ทำให้ต้องมีการทำการตลาดหรือโฆษณา โดยจะใช้งบการตลาดจำนวน 20 ล้านบาท และมีแผนขยายโรงงานใหม่ ซึ่งจะมีการใช้งบในการก่อสร้างจำนวน 400-500 ล้านบาท จะส่งผลให้กำลังการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าภายใน 1-2 ปี บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ทำรายได้ต่อเดือน 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ชูกลยุทธ์ธุรกิจทางด้านค้าส่ง และค้าปลีก เนื่องจากบริษัทฯ มีสินค้าประเภท Consumer product ที่เป็นหลอด LED ในการทำตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีแผนจะเปิดโชว์รูมค้าปลีกเพิ่มอีกราว 1-2 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนเจรจา ทั้งนี้ เพื่อกระจายสินค้าประเภท LED ของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จึงเชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนผลงานบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่องในปี 2557 ได้
?L&E ถือเป็นผู้นำทางด้านแสงสว่าง และเป็นผู้ผลิตหลอด LED รายแรกของประเทศไทยที่มีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้คิดค้น วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทฯ มีลูกค้างานโครงการประเภท LED เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2557 บริษัทฯ จะสามารถผลิตสินค้า LED สำหรับ consumer product ได้เพิ่มขึ้นอีก จากก่อนหน้านี้อยู่ในช่วงทดสอบการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและหลากหลาย โดยใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นธุรกิจทางด้านค้าส่ง และค้าปลีก สนับสนุนผลงาน L&E ให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต" นายปกรณ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/56 นายปกรณ์ คาดว่า ยอดขายมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/56 ที่ผ่านมา และงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงานโครงการที่อยู่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาถูกเลื่อนมารับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในไตรมาส 4/56 จนถึงช่วงต้นปี 2557
อีกทั้ง ในช่วงไตรมาส 4/56 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ สนับสนุนผลงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเติบโตต่อเนื่องได้
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้อยู่กว่า (Backlog) 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานโครงการสินค้าเทคโนโลยี LED และส่วนหนึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ สนับสนุนเป้าหมายรายได้ทั้งปีให้เติบโตอีกราว 10% จากปี 55 อยู่ที่ 2,260 ล้านบาท