ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้างานในมือ (Backlog) แตะ 5 พันล้านบาท จากปีนี้งานในมือ (Backlog) ที่จะทะลุ 4.2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯอยู่ระหว่างการรอผลประมูล มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท คาดว่าจะทราบผลในช่วงปลายปีนี้ แลในปี 57 ยังมีงานที่จะเตรียมเข้าประมูลอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปี 57 บริษัทฯคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากปีนี้ที่ 2% เนื่องจากบริษัทฯได้มีการเข้ารับงานที่มีขนาดใหญ่และจะเน้นรับงานที่มีกำไรที่สูงมากกว่า โดยจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 12-15% จากปีนี้ที่ 7-8%
ส่วนกลยุทธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งรับงานขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) สูง และเป้าหมายการเติบโตรายได้ที่ 20-25%
"ปีหน้าเราตั้งเป้ารายได้หน้าจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 3.6 พันล้านบาท หลังจากที่เราจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสร้างเสร็จ และงานที่มีอยู่ในมือที่จะรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็คาดว่างานในมือปีหน้าก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปแตะ 5 พันล้านบาท เพราะเรายังมีงานที่จะเข้าประมูลอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีหน้าเราจะเน้นรับงานที่มีขนาดใหญ่และมีกำไรสูงซึ่งจะทำให้เรามีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก ซึ่งปีนี้เราก็หน้าจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 2 %"นายไชยณรงค์ กล่าว
ความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าอื่นๆ ขณะนี้โรงไฟฟ้ามหาชัย กรีนเพาเวอร์ ได้รับการอนุมัติจากทางคณะกรรมการกลั่นกรองแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)คาดว่าจะเริ่มขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ได้ในช่วงต้นปี 2558 ส่วนโรงไฟฟ้าทุ่งสัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการอนุมัติจากทางจังหวัดแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแก่กรมโรงงานต่อไป
ขณะที่บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TPOLY กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยขณะนี้กำลังเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อย “พัทลุง กรีน เพาเวอร์" เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าที่จังหวัดพัทลุงต่อไป และคาดว่าในปี 2560 บริษัทฯ จะสามารถมีโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตครบทั้ง 160 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมาย มูลค่าการลงทุนทั้งหมดราว 8 พันล้านบาท ปัจจุบันได้มีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในระยะแรกแล้ว มีกำลังการผลิตทั้งหมด 40 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปี 58
นายไชยณรงค์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่าวงไตรมาส 3-4 /57 โดยคาดว่าจะเข้าระดมทุนราว 600-1,200 ล้านบาท
“ผลประกอบการ TPOLY ไตรมาส 3/56 และงวด 9 เดือนนี้ มีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่อง เนื่องจากมีรายได้จากทั้ง 3 ขาคือ ธุรกิจโรงไฟฟ้า อสังหาฯ และงานรับเหมาก่อสร้างก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยในส่วนของรับเหมาฯ รายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,968.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.75 ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ผู้บริหารและปัจจัยทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ส่วนโรงไฟฟ้าช้างแรกสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (KPI) ของทางบริษัทฯ ทำให้รายได้ของธุรกิจพลังงานสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ตอนแรก โดยปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 210,000 หน่วยต่อวัน จากที่ตั้งไว้ที่ 200,000 หน่วยต่อวัน คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างรายได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ 170 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถขายบ้านได้ตามแผน คาดว่าทั้งปีจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 220 ล้านบาท" นายไชยณรงค์ กล่าว
ผลดำเนินงานไตรมาส 3/56 บริษัทฯ มีรายได้รวม 793.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 43.78 และมีกำไรสุทธิ 21.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 123.74 ส่วนงวด 9 เดือนมีรายได้รวม 2,235.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.23 และกำไรสุทธิ 39.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 149.59
สำหรับเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ แต่มีความกังวลบ้างในโครงการของภาครัฐที่อาจจะรับรู้รายได้เข้ามาช้ากว่ากำหนด โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภาคเอกชน 51% และภาครัฐฯ 49% ซึ่งในปี 57 บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเข้ามาเพิ่มขึ้น หลังจากที่รับผลกระทบจากสถานการทางการเมือง ส่งผลให้บริษัทจะเข้าไปรับงานจากภาคเอกชนมากขึ้น