PTTGC จับมือ Pertamina สร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ระดับโลกในอินโดนีเซีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 11, 2013 10:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) และ พีที เปอร์ตามิน่า บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย พัฒนาความร่วมมือไปอีกขั้นสู่การลงนามร่วมทุนด้านการผลิต (Manufacturing JV- HoA) ประกาศเจตนารมณ์ร่วมศึกษาการสร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ระดับโลกในประเทศอินโดนีเซีย อันเป็นความก้าวหน้าต่อเนื่องจากการลงนามเป็นพันธมิตรในการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงนาม HoA เมื่อเดือนเม.ย.56 ที่ผ่านมา

การลงนามร่วมทุนด้านการผลิตในครั้งนี้ (JV-HOA) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดหลักการกิจการร่วมค้าที่ได้ตกลงกันและขอบเขตการลงทุน พร้อมทั้งช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปรายละเอียดโครงการภายในต้นปี2014 ก่อนที่จะมีการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของ bankable และ Front End Engineering design (FEED) เปอร์ตามิน่าและพีทีทีจีซี ได้บรรลุความเข้าใจร่วมของโครงการ รวมถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ รูปแบบการลงทุนที่ได้ประโยชน์และมีศักยภาพแข่งขันได้ และทำเลที่เหมาะสม รวมทั้งความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท ที่จะเพิ่มพูนศักยภาพในการแข่งขันของโครงการร่วมทุน โดยจะนำไปสู่การตัดสินใจในการลงทุนขั้นสุดท้ายที่กำหนดไว้ในปี 58

นอกจากนี้ การสำรวจตลาดโพลิเมอร์ในอินโดนีเซียซึ่งรวบรวมผลจากการจัดจำหน่ายและกิจกรรมการตลาดของทั้งสองบริษัทโดยมีการกำหนดโครงสร้างเบื้องต้นและมีการประเมินทางเทคนิคด้านการลงทุนดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายมีความปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนอินโดนีเซียและสังคมที่พอเพียง

ในขณะที่ความต้องการของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในประเทศคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มทางบวกของอุตสาหกรรมการผลิต มูลค่าตลาดปิโตรเคมีของอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 61 รวมทั้งได้ตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งตลาด (Market share) สัดส่วนร้อยละ 30 หลังการสร้างปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 61 ในปัจจุบันนี้กำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในอินโดนีเซียยังคงไม่เพียงพอกับความต้องการในอุตสาหกรรม ส่งผลให้มีการนำเข้าเป็นเงินจำนวนมากถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี

นางคาเรน อากัสเทียวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีที เปอร์ตามิน่า กล่าวว่า การประกาศความร่วมมือในวันนี้ เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของเปอร์ตามีน่า ที่จะร่วมมือกับ PTTGC เพื่อการร่วมลงทุนโครงการปิโตรเคมี อันมีความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำในประเทศอินโดนีเซีย โดย เปอร์ตามีน่า มีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบ ทำเลสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน อันจะทำให้การลงทุนโครงการมีศักยภาพการแข่งขัน และมีประสิทธิภาพ

“เปอร์ตามีน่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่มี PTTGC มาเป็นพันธมิตรของเรา ด้วยปัจจัยด้านประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความสำเร็จของ PTTGC ที่ผ่านมา รวมทั้งวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศที่มีความใกล้เคียงกัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความสำเร็จจากความร่วมมือในระยะยาว โดยเราจะร่วมกันสร้าง Flagship ปิโตรเคมีของอินโดนีเซียให้เกิดขึ้น" นางคาเรน กล่าว

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) PTTGC กล่าวว่า นับตั้งแต่การลงนามความร่วมมือ HoA เมื่อวันที่ 1 เม.ย.เราได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนโครงการในเบื้องต้น ซึ่งปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ที่จะจัดสร้าง ประกอบด้วย โรงแครกเกอร์ ที่มีกำลังการผลิตระดับโลก (World scale Cracker) เชื่อมโยงถึงธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายน้ำ ในขั้นตอนต่อจากนี้เราจะร่วมกันศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดมากขึ้น รวมทั้งการเลือกสถานที่ตั้งปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในทางเศรษฐกิจ และการแข่งขัน

"PTTGC ให้ความสำคัญกับการจับมือเป็นพันธมิตรกับ เปอร์ตามีน่า เพื่อสนองตอบต่อความเติบโตในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม AEC ขณะที่ PTTGC มีความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ทางเปอร์ตามีน่า ก็มีความเข้มแข็งในการเข้าถึงลูกค้าและตลาดภายในประเทศ จึงเป็นคู่พันธมิตรทางธุรกิจที่เกื้อหนุน ส่งเสริมกัน และสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จ และการลงทุนที่มีศักยภาพ"นายบวร กล่าว

PTTGC และ PERTAMINA มีเป้าหมายในการศึกษารายละเอียดโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ให้ได้ผลสรุปภายในไตรมาส 2/57 เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการแล้วเสร็จในปี 61 นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทมีกำหนดลงนามร่วมทุน (Joint Venture) ในด้าน Marketing และ Trading สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ เพื่อทำการตลาดและจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียในเร็ว ๆ นี้

พีที เปอร์ตามีน่า เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศอินโดนีเซีย มีโรงกลั่นน้ำมัน 5 โรง โดยมีกำลังการกลั่นประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นธุรกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในเอเชีย ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นนี้ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซีย

พีทีที โกลบอล เคมิคอล เป็น แกนนำธุรกิจเคมีภัณฑ์ ในกลุ่ม ปตท. ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมีรวม 8.72 ล้านตันต่อปี และมีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบและคอนเดนเสทรวม 280,000 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialties Chemical) และธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green) โดยการร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสนับสนุนให้บริษัทฯ ขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ