ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPTGF เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทสำนักงานและศูนย์การค้า เป็นระยะ 30 ปี ในทรัพย์สิน 3 โครงการภายใต้การบริหารของ บมจ.ซี.พี.แลนด์ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)ประกอบด้วย การลงทุนในสิทธิการเช่าอายุ 30 ปีในโครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 1 สีลม โครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 2 ฟอร์จูนทาวน์ รัชดาภิเษก-พระราม9 และโครงการ ซี.พี.ทาวเวอร์ 3 พญาไท รวมมูลค่า 9,815 ล้านบาท
“เราเชื่อมั่นว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPTGF จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีอีกครั้ง หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากต้องยอมรับว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี ในภาวะที่ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นยังคงผันผวนจากสถานการณ์ทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งล่าสุด ยังมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทยอยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะพักการลงทุน ในหุ้นหรือทอง โดยเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ อาจจะมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลงเช่นนี้ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์คือคำตอบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์"นายสมชัย กล่าว
นอกจากผลตอบแทนรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่าจะค่อนข้างแน่นอนและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว นักลงทุนยังไว้วางใจประสบการณ์และการบริหารจัดการทรัพย์สินของ บมจ.ซี.พี.แลนด์ ที่ยาวนานมากว่า 25 ปี รวมถึงขนาดของกองทุนที่มีมูลค่า 9,815 ล้านบาท ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดสำหรับกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ยังสนับสนุนความน่าสนใจให้เข้าลงทุนในแง่ของสภาพคล่องที่สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนสถาบันได้อีกด้วย
นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซี.พี.แลนด์ ในฐานะผู้บริหารสินทรัพย์ กล่าวว่า แม้ว่า ในช่วงระยะเวลาจองซื้อจะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ทางการเมือง แต่ผู้ลงทุนก็ยังให้การตอบรับหน่วยลงทุนของกองทุนเป็นอย่างดี ซึ่งในฐานะของผู้บริหารทรัพย์สิน บมจ.ซี.พี.แลนด์ ขอให้ความมั่นใจกับผู้ลงทุนว่า บริษัทจะบริหารจัดการทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและผลักดันให้กองทุนมีผลการดำเนินงานดีอย่างต่อเนื่อง
“ด้วยศักยภาพและโอกาสการเติบโตในอนาคตของทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการ ทำให้นักลงทุนให้การตอบรับอย่างน่าพอใจ แม้ว่าช่วงเวลาที่เราเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วง IPO นั้นจะเป็นช่วงที่มีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกับความมั่นใจของผู้ลงทุนก็ตาม ซึ่งหลังจากที่กองทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว เราก็เชื่อมั่นว่าจะมีนักลงทุนให้ความสนใจกองทุนรวม CPTGF ในวงกว้างขึ้น เพราะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถที่จะตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ และเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก โดยความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
และแม้ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจากการคาดการณ์ของหน่วยงานเศรษฐกิจจะเติบโตเพียงแค่ 3% ในปี 56 แต่ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานให้เช่ายังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีต่อไป โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ที่ทำให้นักลงทุนจากกลุ่มประเทศอาเซียนขยับขยายการลงทุน และทำให้ความต้องการอาคารสำนักงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนั้นจะเป็นโอกาสที่สำคัญของกองทุนรวม CPTGF ในอนาคต"นายสุนทร กล่าว