นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 57 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15 % จากที่ปีนี้รายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือไม่ต่ำกว่า 1,250 ล้านบาท จากการขยายตัวของตลาดภายในประเทศที่ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งการขยายสาขาของโมเดิร์นเทรด และการขยายสาขาในเมกาโฮมเพิ่มอย่างน้อย 2 สาขา คือ สาขาหนองคาย และชลบุรี จากปัจจุบันมี 2 สาขา
และคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก หลังจากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลูกค้ามีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 57 ตลาดญี่ปุ่นจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าที่มีศักยภาพในต่างประเทศ เช่น ประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประเทศแถบตะวันออกกลาง อินเดีย และแอฟริกา เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 55% และ ในประเทศ 45 %
นายอารักษ์ คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่มีกำไร 35 ล้านบาท หลังจากที่ 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิแล้ว 34.19 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าปี 57 อัตรากำไรสุทธิจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7% จากปีนี้อยู่ที่ 4-5% หลังจากบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุน ประกอบกับได้มีการเพิ่มเครื่องจักรให้เป็นระบบออโตเมติกมากขึ้น รวมถึงไม้ที่เป็นวัตถุดิบหลักมีแนวโน้มราคาจะปรับตัวลดลง ทำให้กำไรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
"เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่าปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 35 ล้าน และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปี 57 จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 7% เพราะเราได้มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น และราคาวัตถุดิบหลักของเรา มีแนวโน้มจะปรับลดลงอีก ทำให้เราน่าจะมีอัตรากำไรสุทธิเติบโตขึ้นได้"นายอารักษ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปช่วงต้นปี 57 โดยหากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับพันธมิตรแล้วอาจจะต้องมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่งบทุนปกติของบริษัทน่าจะอยู่ที่ราว 60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายเครื่องมือทางการตลาด เช่น คลังสินค้า รถบรรทุก เป็นต้น
"ปัจจุบันเราตั้งงบลงทุนปกติของบริษัทฯไว้ 60 ล้านบาทเพื่อที่จะใช้ในการขยายเครื่องมือทางการตลาด ขณะที่ตอนนี้เราอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ ถ้าหากเราได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 57 แล้วเราก็อาจจะต้องมีการลงทุนเพื่อที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก เพราะกำลังการผลิตของเราตอนนี้รองรับการเติบโตได้แค่ 15% เท่านั้น" นายอารกษ์ กล่าว