นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า แนวโน้มปี 57 บริษัทคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 90 เมกกะวัตต์ จ.นครสวรรค์ เข้ามาเต็มที่ทั้งปี โดยคาดว่าจะทำรายได้ราว 1.5 พันล้านบาท และมีกำไรกว่า 900 ล้านบาทจะทำให้กำไรของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขณะที่รายได้จากไบโอดีเซลในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตราว 40% จากที่ภาครัฐจะเริ่มใช้น้ำมันไบโอดีเซล B7 จะผลักดันให้รายได้จากไบโอดีเซล เติบโตสูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวจะส่งผลให้การใช้น้ำมันเติบโตมากขึ้น
"ปี 57 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เพราะเรารับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าที่นครสวรรค์เข้ามาเต็ม แต่อย่างไรก็ตามรายได้จากโรงไฟฟ้าก็จะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายได้หลักก็จะยังเป็นรายได้จากไบโอดีเซล เป็นสัดส่วนราว 70-80% ซึ่งในปีหน้าก็จะยังมีการเติบโตหลังจากที่ภาครัฐฯจะมีการเริ่มใช้ ไบโอดีเซล B7 ในปีหน้า และเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น"นายสมโภชน์ กล่าว
นายสมโภชน์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากปีก่อนที่รายได้ 4,478.99 ล้านบาท และกำไรปีนี้จะอยู่ที่ราว 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 107.05 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าที่ จ.ลพบุรี ขนาด 8 เมกกะวัตต์
ขณะที่นายอมร กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส 4/56 ผลประกอบการน่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 3/56 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้นหลังจากที่ผ่านช่วงหน้าฝนในไตรมาส 3/56 ส่วนเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากธุรกิจไม่ได้อิงอยู่กับการเมือง
"การเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น เราไม่ได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทเราก็ไม่ได้อิงกับการเมืองเท่าไหร่นัก ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าเองเราก็มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยไปแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาแล้ว"นายอมร กล่าว