หุ้นที่ถือครอง ประกอบด้วย หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH)หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่หมอเสริฐถือหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 มูลค่า 36,565.38 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งจากสัดส่วนการถือหุ้นที่มากขึ้น และราคาหุ้น BGH ที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยปีที่ผ่านมาหมอเสริฐได้ถือหุ้น BGH เพิ่มขึ้นอีก 6.08% เป็น 18.78% ขณะที่ราคาหุ้น BGH ปรับสูงขึ้นจาก 107.50 บาท เป็น 126 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.56 เพิ่มขึ้น 18.50 บาท หรือ 17.29% นอกจากนี้ ยังถือครองหุ้น บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช(NTV) ในสัดส่วน 0.79% มูลค่า 30.82 ล้านบาท
เส้นทางการก้าวเข้าสู่ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยของ หมอเสริฐ เริ่มต้นมานานหลายสิบปีแล้ว ความมั่งคั่งมูลค่าระดับพันล้านเริ่มเมื่อปี 47 โดยเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 26 ถือครองหุ้นมูลค่า 1,560.42 ล้านบาท หลังจากนั้นความมั่งคั่งก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ จนก้าวขึ้นเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นในปี 2556 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 36,596.20 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 ยังเป็นของนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 33.93% มูลค่า 34,219.79 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 10,763.72 ล้านบาท หรือ 45.89% จากราคาหุ้น BTS ของคีรี ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.65 บาท มาเป็น 8.75 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 โดยเพิ่มขึ้น 3.10 บาท หรือ 54.86%
ปีนี้ พิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 จากอันดับ 18 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 26,481.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,327.08 ล้านบาท หรือ 270.12% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.โมโน เทคโนโลยี (MONO) ที่เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556 โดยพิชญ์ เป็นถือหุ้นสูงสุดในสัดส่วน 71.87% มูลค่า 11,268.59 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังถือหุ้น JAS ในสัดส่วน 25.84% มูลค่า 15,213.39 ล้านบาท โดย พิชญ์ ควบเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทั้ง MONO และ JAS
ด้านนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) อดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน หล่นลงมาอยู่อันดับ 4 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 25,740.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,052.80 ล้านบาท หรือ 18.69% ประกอบด้วย หุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% มูลค่า 25,732.51 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 8,244 ล้านบาท
ส่วนนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ร่วงลงมาอยู่ในอันดับ 5 ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 25,453.35 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่าหุ้น PS ที่ทองมาถือครองในสัดส่วน 58.76% จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1,955.57 ล้านบาท หรือ 8.32% แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นของเศรษฐีหุ้นในอันดับ Top 4 แล้วยังทิ้งห่างกันอยู่มาก จึงทำให้ต้องเสียแชมป์เศรษฐีหุ้น 3 ปีซ้อนในปี 53-55 ไปในปีนี้
ขณะที่นายวิชัย ทองแตง หล่นจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้วมาเป็นอันดับ 6 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 20,129.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,337.88 ล้านบาท หรือ 19.88% ประกอบด้วยหุ้น BGH ในสัดส่วน 9.94% มูลค่า 19,362.31 ล้านบาท หุ้น บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) 7.29% มูลค่า 399 ล้านบาท หุ้น บมจ.ปุ๋ยเอ็นเอฟซี (NFC) 8.04% มูลค่า 272 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ (TH) 9.84% มูลค่า 96 ล้านบาท
สำหรับเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 7 ในปีนี้ ยังตกเป็นของ ทายาทโอสถสภา นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,623.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,293.09 ล้านบาท หรือ 51.04%
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค หรือที่รู้จักกันในนาม บิล ไฮเนกี้ เจ้าของอาณาจักรไมเนอร์ กรุ๊ป ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 8 จากอันดับ 72 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 11,200.62 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 7,740.13 ล้านบาท หรือ 223.67% ทั้งนี้ จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่สูงขึ้นจาก 15.40 บาท มาเป็น 24.20 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.56 เพิ่มขึ้นถึง 8.80 บาท หรือ 57.14% ส่งผลความมั่งคั่งของวิลเลียมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยมูลค่าหุ้น MINT ที่วิลเลียมถือในสัดส่วน 11.28% เพิ่มขึ้นเป็น 10,783.13 ล้านบาท นอกจากนี้ วิลเลียม ยังถือหุ้น บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) (CNT) ในสัดส่วน 6.61% มูลค่า 417.49 ล้านาท
อันดับ 9 ตกเป็นของนางอรุณี ชาน ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจิราธิวัฒน์ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 33 เมื่อปีที่แล้ว ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 10,698.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,642.93 ล้านบาท หรือ 111.61% ประกอบด้วยหุ้น บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) 3.68% มูลค่า 6,077.19 ล้านบาท หุ้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) 2.02% มูลค่า 3,879.02 ล้านบาท กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) 2.6% มูลค่า 680.90 ล้านบาท และ หุ้น บมจ.โพสต์ พับลิชชิง (POST) 1.72% มูลค่า 61.83 ล้านบาท
ปีนี้มีเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ชักแถวเข้าทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงปีทีผ่านมา กลายเป็นเศรษฐีหุ้น IPO ที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในพริบตาชั่วข้ามคืน โดยเศรษฐีหุ้น IPO ที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ก็คือ นายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่หันไปจับธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในชื่อ บมจ.พลังงานบริษัท (EA) โดยได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เมื่อวันที่ 26 ม.ค.56 ส่งผลให้ก้าวเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 10,135.78 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นทันที 10,091.640 ล้านบาท หรือ 22,861.08% โดยถือหุ้น EA ในสัดส่วน 40.47% มูลค่า 10,114.72 ล้านบาท และหุ้น บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) อีก 0.94% มูลค่า 21.06 ล้านบาท
สำหรับ 2 สาวทายาทพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปีนี้แม้ว่ามูลค่าหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้น แต่อันดับลดลง โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อิ๊ง) หล่นจากอันดับ 47 มาอยู่อันดับ 64 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) 29.13% มูลค่า 3,670.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211.40 ล้านบาท หรือ 6.11% และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร (เอม) หล่นจากอันดับ 53 มาอยู่อันดับ 66 ถือหุ้น SC 28.19% มูลค่า 3,552.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.58 ล้านบาท หรือ 6.11%
ทั้งนี้ นับเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยที่ปีนี้ตระกูลจิราธิวัฒน์ สามารถล้มแชมป์เก่าตระกูลมาลีนนท์ ที่ครองแชมป์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานถึง 14 ปีลงได้ โดยตระกูลจิราธิวัฒน์ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว โดยเครือญาติเศรษฐีหุ้นในตระกูล 31 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 66,787.88 ล้านบาท มั่งคั่งเพิ่มขึ้นถึง 25,922.14 ล้านบาท หรือ 63.43% โดยหุ้นที่กลุ่มเครือญาติจิราธิวัฒน์ถือครองได้ปรับราคาสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ราคาหุ้น บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ณ วันที่ 30 ก.ย.56 ได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 38.25 บาท จาก 17.30 บาท เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 20.95 บาท หรือ 121.09% ส่วนราคาหุ้น บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ก็ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 200 บาท จาก 187 บาท เพิ่มขึ้น 13 บาท หรือ 6.95%
ตระกูลมาลีนนท์ ปีนี้ต้องเสียแชมป์ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 โดย 11 เครือญาติเศรษฐีหุ้นในตระกูลถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 49,122.44 ล้านบาท รวยลดลงถึง 21,139.99 ล้านบาท หรือ 30.09% เนื่องจากราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ที่เครือญาติถือครอง ปรับลดลงจาก 76.50 บาท มาอยู่ที่ 56.75 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 ลดลงถึง 19.75 บาท หรือ 25.81%
ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลปราสาททองโอสถของ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยในปีนี้ โดยรวมกับสองทายาทพญ.ปรมาภรณ์ และ พล.ต.ต.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ถือครองหุ้นมูลค่า 42,067.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,576.81 ล้านบาท หรือ 58.80%
ส่วนตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 4 ในปีนี้ ได้แก่ ตระกูลกาญจนพาสน์ โดย 4 เครือญาติในตระกูล ได้แก่ นายคีรี นายอนันต์ นายชัยสิทธิ์ และ นายสาคร กาญจนพาสน์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 41,267.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,738.61 ล้านบาท หรือ 49.91% และตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลทองแตง ที่ครอบครัวทองแตง ได้แก่ นายวิชัย นางนงลักษณ์ น.ส.วิอร นายอติคุณ นายอัฐ และ นายอิทธิ ถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 30,593.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,022.91 ล้านบาท หรือ 19.64%
อนึ่ง วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดทำจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ซึ่งภาพรวมของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 56 วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 ก.ย.56 จำนวน 5,993 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 1,259,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 รวม 207,834 ล้านบาท หรือ 19.76%