และคาดว่ากำไรสุทธิและรายได้จากนี้ไปอีก 3 ปี (ปี 57-59) คาดว่าจะทำสถิติสูงสุด (High Record) ได้อีก จากการเพิ่มกำลังการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) เท่าตัวจากปัจจุบันอยุ่ที่ 2.1 ล้านตร.ฟุต/เดือนโดยจะเพิ่มอีก 2 ล้านตร.ฟุต/เดือน
ทั้งนี้จะทยอยดำเนินการเฟสแรก จำนวน 7 แสนตร.ฟุต/เดือนเสร็จในปลายปี 57 หรือเพิ่มขึ้น 35% และอีก 6 แสนตร.ฟุต/เดือน เสร็จในปี 58 และ 7 แสนตร.ฟุต/เดือนเสร็จในปี 59 ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีนี้ จะเติบโต 20%ต่อปี จากการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ปี 57 คาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเริ่มผลิตในปลายไตรมาส 3/57 โดยคาดว่ารายได้จะมาที่ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ คำสั่งซื้อของลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งลุกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ อย่างละ 50% โดยกลุ่มลูกค้าเดิมอุตสาหกรรมหลักยังเป็นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนลูกค้าใหม่จะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเสียง
และบริษัทก็ยังมุ่งขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ญี่ปุ่น ซึ่งมีลูกค้าใหม่ได้แก่ ซูมิโตโม พานาโซนิค เป็นต้น ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องมากขึ้น
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัท สัดส่วน 97% มาจากการส่งออก ตลาดหลัก เป็นยุโรป เอเชีย สหรัฐอเมริกา จึงไม่กังวลผลกระทบจากการเมือง ส่วนเหตุการณ์การเมืองในขณะนี้ มองว่าไม่น่าจะมีต่อการส่งออก นอกจากนี้ลูกค้าเดิมได้มีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง
"ปี 57 วางแผนธุรกิจภายใต้การมองว่าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น เพราะถึงแม้ปีนี้เศรษฐกิจโลกไม่ดี แต่จากการที่บริษัทวางแผนขยายตลาด ออเดอร์ก็เพิ่มขึ้น และปีหน้ายิ่งเศรษฐกิจโลกดี ก็จะทำให้ยอดขายของเราเติบโต ค่อนข้างมั่นใจวาปัญหาการเมืองในประเทศจะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัท ซึ่งในธุรกิจของเรามั่นใจว่ายังขายได้เรื่อยๆ " นายพิธานกล่าว
เมื่อบริษัทขยายกำลังการผลิตได้เสร็จสมบูรณ์จะทำให้มีกำลังการผลิต 4.1 ล้านตร.ฟุต/เดือน ส่งผลให้บริษัทเป็นผุ้ผลิต PCB ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15-16% จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 5 ที่มีส่วนแบ่งตลาด 8%ของมูลค่าตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รวม 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ช่วยหนุนการส่งออกให้เติบโต และคาดว่าในปี 57 การส่งออกจะเติบโตและคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าจะการนโยบายลดมาตรการ QE ของสหรัฐ