โครงการ Pangkah จะเข้าถือสัดส่วน 75% ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลชวา ประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีอัตราการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ประมาณ 7,000 บาร์เรลต่อวัน และอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 33 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโครงการ Natuna Sea A นอกชายฝั่งประเทศอินโดนีเซีย ถือสัดส่วน 23% ปัจจุบันมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และอัตราการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 2,350 บาร์เรลต่อวัน
"ทั้ง 2 แปลงในอินโดนีเซีย คิดว่าโอนได้ 1 แปลงซึ่งจะกระทบกับปริมาณสำรอง ณ สิ้นปีนี้ ส่วนยอดขายปี 57 ทั้งสองแปลงจะเข้ามาเต็มปี จะทำให้ยอดขายเพิ่มไปอีก ประมาณ 3% และถ้าได้อีก 2 แหล่งในไทยอีกจะทำให้ยอดขายปีหน้าโตมากกว่า 15% ซึ่งเราจะได้ไม่ได้น่าจะรู้ก่อนสิ้นเดือนธ.ค.นี้" นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอกรอบวงเงินลงทุน 5 ปี(ปี 57-61)ให้กับคณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นชอบในธ.ค.นี้ โดยคาดว่าจะสูงกว่างบลงทุน 5 ปีเดิม (ปี 56-60)วงเงิน 24,671 ล้านเหรียญ เพราะจะมีใช้เงินลงทุนในโครงการในโมซัมบิก ที่จะเข้าผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เข้ามา ทั้งนี้งบลงทุนจะจัดสรรเงินลงทุนในประเทศ 50% และในต่างประเทศ 50%
ทั้งนี้ โครงการในโมซัมบิกจะได้ผลสรุปการออกแบบในปี 57 และจะเจรจากับทางการโมซัมบิกเพื่อยืนยันเงื่อนไขการลงทุน รวมทั้งเจรจากับเจ้าของแปลงที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อจะได้ร่วมกันดำเนินการ ขณะเดียวกัน ทางบมจ.ปตท (PTT) ได้ตอบตกลงเบื้องต้นที่จะรับซื้อ LNG ทำให้คาดว่าบริษัทจะสามารถสรุปแผนและเริ่มต้นผลิตแหล่งในโมซัมบิกได้ในปลายปี 57 โดยตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในปี 62
นอกจากนี้ในส่วนโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวลอยน้ำ (FLNG) ในแหล่ง Cash/Maple ของออสเตรเลีย คาดว่าจะสรุปได้กลางปี 57 เกี่ยวกับรายละเอียดแผนการลงทุน โดยจะมีการเจาะสำรวจเพิ่มอีก 1 หลุมในปีหน้า เพื่อยืนยันปริมาณการผลิตปิโตรเลียม
ปัจจุบัน PTTEP มีโครงการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยและต่างประเทศรวม 45 โครงการใน 12 ประเทศ