สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB15DA (รุ่นอายุ 5.5 ปี, 9.5 ปี และ 2.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,746 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC144A) มูลค่า 71.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (MBTH157A) มูลค่า 61.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH235A) มูลค่า 55.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 188.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,291 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 12,747 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -4,211 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.34% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. นักลงทุนส่วนใหญ่รอติดตาม ผลการประชุม FOMC วันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ Fed ปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ในการประชุมครั้งนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงขายทั้งพันธบัตรระยะสั้น และระยะยาว ยอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 4,211 ล้านบาท