ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ที่จะมีขึ้นกลางสัปดาห์นี้ โดยมองว่าจะมีการลดขนาด QE หรือเปล่า
นอกจากนี้ ในส่วนของสัญญาณทางเทคนิคของตลาดฯขณะนี้ดูไม่ค่อยดีนัก มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง หลังจากที่ดัชนี SET ได้ลงมาทำ New Low รอบ 3 เดือน โดยหลุดแนว Low เดิมที่ 1,345 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,330-1,335 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350-1,355 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(13 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,755.36 จุด เพิ่มขึ้น 15.93 จุด(+0.1%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,775.32 จุด ลดลง 0.18 จุด (-0.01%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,000.975 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด(+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.31 จุด, -0.12% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.24 จุด, +0.03% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 8.11 จุด, -0.10% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, +0.08% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 12.33 จุด, -0.40%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 107.68 จุด, -0.46% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.15 จุด, +0.05% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.82 จุด, +0.01%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(13 ธ.ค.)ที่ 1,341.13 จุด ลดลง 15.08 จุด (-1.11%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,531.38 ล้านบาท เมื่อ 13 ธ.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(13 ธ.ค.)ที่ 96.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.90 ดอลลาร์ฯ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(13 ธ.ค.)ที่ 6.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.02/03 คาดแกว่งแคบ รอความชัดเจน FOMC ถึงมาตรการ QE
- สศค.เตรียมพิมพ์เขียวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอรัฐบาลใหม่ พร้อมชูแผนกู้เงินผ่าน พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กรณีที่กฎหมายกู้เงินลงทุนโครงการใหญ่ต้องตกไปตามรัฐบาลชุดเก่า เล็งประเมินจีดีพีปีนี้ต่ำกว่า 3% รับผลกระทบการเมือง ด้านนักเศรษฐศาสตร์เชื่อเลือกตั้งหนุนการบริโภคคึกคัก โดยเฉพาะเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมแนะจับตานโยบายพรรคการเมือง ชี้มีผล ต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในอนาคต หนุนปฏิรูปการเมือง ควบคู่ปฏิรูปเศรษฐกิจ ลดเหลื่อมล้ำ ต้นเหตุปัญหาการเมือง
- ทีโอที เล็งปรับงบปี 2557 โยกลงทุนบรอดแบนด์ไปสายธุรกิจอื่น หลังโปรเจคใหม่ 3 โครงการ 40,000 ล้านบาท ต้องรอ ครม. ชุดใหม่ ทำใจแผนงานดีเลย์เกือบทั้งหมด จำเป็นต้องรุกบริการใหม่รับสภาพการแข่งขันแทน ส่วน กสท แจงเอฟทีทีเอ็กซ์ 12 สัญญา มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทค้างเติ่ง หันวางแผนตั้งเป้ารายได้ กำหนดยอดขายเป็นรายเดือนแทน
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมทางออกไว้หากพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เกิดปัญหาใช้ไม่ได้ ก็ใช้ช่องทางของ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะที่ให้อำนาจการกู้เงินเพื่อนำมาพัฒนาระบบเศรษฐกิจ 10% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งปีนี้กำหนดไว้ที่ 2.5 ล้านล้านบาทสามารถกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทได้ถึง 2.5 แสนล้านบาท
- "เกริก วณิกกุล" รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเพิ่มขึ้นของหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบไม่น่าห่วง แม้ว่าจะมีลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นบ้างแต่สัดส่วนเอ็นพีแอลไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
*หุ้นเด่นวันนี้
- GL-W3 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เข้าเทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 332,783,154 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 10.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (2 ธ.ค.56) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท วันใช้สิทธิครั้งแรก 31 ม.ค. 2557 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 พ.ย. 2558
- RS(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 10.40 บาท มองมีความปลอดภัยจากการลงทุนทีวีดิจิทัลมากที่สุดเนื่องจากจะมีรายได้ 700 ล้านบาทจากการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเข้ามาชดเชยภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในปี 2557 นอกจากนี้ RS ยังมีแผนปรับขึ้นค่าโฆษณาช่องทีวีดาวเทียมเฉลี่ย 35-40% ในปีหน้า แม้ว่าผลกระทบจากธุรกิจทีวีดิจิทัลทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะลดลง 14% YoY แต่คาดว่าตั้งแต่ปี 2558 กำไรของ RS จะกลับมาเติบโตต่อเนื่องอีกครั้ง จากการเติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณาที่มีแรงหนุนจากการขยายโครงข่ายทีวีดิจิทัล
- CPALL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท ประเมินว่าราคาหุ้นจะได้รับผลกระทบในเชิง Sentiment จากปัจจัยการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศจำกัด เนื่องจากในเชิงพื้นฐานแล้วชัดเจนว่าร้านเซเว่นฯมียอดซื้อต่อใบเสร็จต่ำเพียง 60 บาท ประกอบกับร้านเซเว่นฯ และ MAKRO มีสัดส่วนรายได้หลักกว่า 70% จากสินค้ากลุ่มอาหาร ขณะที่ประเมินว่ากำไรสุทธิในปี 2557 จะกลับมาขยายตัวโดดเด่นที่ 28% YoY อีกครั้ง และยังเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 25 บาท คาดว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์นี้ เพราะเริ่มเข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงเทศกาล และคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากการทำ Window Dressing ของกองทุนในประเทศในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ KTB ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราสูง โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 56 หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.6% รวมทั้งมี Valuation ที่น่าสนใจ
- CPF(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 32 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -17.8% YTD มากกว่า SET INDEX ที่ -3.6% เชื่อว่าได้สะท้อนผลประกอบการที่น่าผิดหวังในปี 2556 ไปแล้ว และราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นตามผลประกอบการปี 2557 ที่เข้าสู่การฟื้นตัว โดยคาดว่าจะเห็นพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง qoq ตั้งแต่ 4Q56 เป็นต้นไป โดยคาดว่าธุรกิจกุ้งจะมีผลขาดทุนลดลงใน 4Q56 และเริ่มกลับมาสร้างกำไรอีกครั้งใน 2Q57 ขณะที่ธุรกิจสัตว์บก ทั้งหมูและไก่ ยังสร้างกำไรต่อเนื่อง และคาดว่าราคาถั่วเหลืองและกากข้าวโพดที่ปรับตัวลงจะส่งผลให้ต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ของปีหน้าลดลงราว 10-15% ในปี 2557 ดังนั้น คาดว่ากำไรปกติปี 2557 จะเติบโต 690.1% yoy เป็น 7,632 ล้านบาทในปี 2557