ทั้งนี้ จะนำเงินมาลงทุนใน Fibrous Chain ของเอสซีจี เปเปอร์ 5,035 ล้านบาทด้วยการเพิ่มทุนสาหรับสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 30 ทั้งนี้หลังจากบรรลุเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุนแล้ว NPI จะลงทุนในส่วนแรกประมาณ 3,300 ล้านบาทภายในเดือนมิถุนายน 2557 คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นประมาณร้อยละ 22 และจะลงทุนในส่วนที่เหลือภายในเดือนมิถุนายน 2559 เพื่อให้ได้สัดส่วนหุ้นร้อยละ 30
เอสซีจี เปเปอร์ มุ่งเน้นธุรกิจหลัก 2 สายคือสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging Chain) และสายธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน (Fibrous Chain) โดย Fibrous Chain ประกอบด้วยธุรกิจสวนป่า เยื่อกระดาษ และกระดาษพิมพ์เขียน โดยในเก้าเดือนแรกของปี 2556 Fibrous Chain มีสินทรัพย์รวมคิดเป็นร้อยละ 36 และมียอดขายคิดเป็นร้อยละ 28 ของเอสซีจี เปเปอร์
การร่วมทุนระหว่างเอสซีจี เปเปอร์ และ NPI ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดพลังแห่งความร่วมมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การพัฒนาสินค้าใหม่ การตลาด และช่องทางการจัดจาหน่าย ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการดาเนินธุรกิจของ SCC ที่มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เพื่อการเป็นผู้นาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับ NPI เป็นผู้ผลิตกระดาษรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นผู้นาด้านเทคโนโลยี และมีเครือข่ายการจัดจาหน่ายที่แข็งแกร่งทั่วทวีปเอเชีย โดยในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2556 (เมษายน – กันยายน 2556) NPI มีสินทรัพย์และยอดขายประมาณ 475,000 และ 169,000 ล้านบาทตามลาดับ ประกอบด้วยธุรกิจเยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษสาหรับงานเฉพาะ พลังงาน ชีวเคมี ฯลฯ ปัจจุบัน NPI และเอสซีจี เปเปอร์ มีโครงการร่วมทุนผลิตกระดาษ Machine Glazed ในประเทศไทย กาลังการผลิต 43,000 ตันต่อปี (มูลค่าการลงทุน 2,200 ล้านบาท) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงาน คาดว่าจะเริ่มผลิตได้กลางปี 2557