ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 265,570 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 16, 2013 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (9 - 13 ธันวาคม 2556) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวมรวม 265,570 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 66,393 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 9% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 64% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 168,923 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 85,445 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 5.5 ปี) LB176A (อายุ 3.5 ปี) และ LB236A (อายุ 9.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 41,632 ล้านบาท 14,998 ล้านบาท และ 6,100 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB13D27A (อายุ 10 วัน) CB14109A (อายุ 27 วัน) และ CB14313B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 23,125 ล้านบาท 21,748 ล้านบาท และ 15,579 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น SCC17OA (A) มูลค่าการซื้อขาย 276 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT149A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT146A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 181 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ค่อนข้างนิ่ง ในตราสารหนี้อายุน้อยกว่า 10 ปี โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 Basis Point (100 Basis Point มีค่าเท่ากับ 1%) ขณะที่ผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลง ในช่วงประมาณ -3 ถึง -6 Basis Point ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภาเพื่อลดแรงกดดันจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง และบรรยากาศการลงทุนปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะในตราสารหนี้ระยะยาว จากนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับในช่วง 2 – 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้มีแรงขายพันธบัตรระยะยาวออกมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ระยะยาวปรับตัวลดลงไปพอสมควร จึงทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และอัตราการว่างงาน ประจำเดือน พ.ย. ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะเริ่มลดขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 – 18 ธ.ค. นี้ ส่งผลให้มีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาบ้างในช่วงท้ายของสัปดาห์

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 389 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 5,568 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 5,957 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 25 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ