ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้จำนวน 8,000 ล้านบาท จากแหล่งเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนในการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ในเครือราว 6,500 ล้านบาท และอีก 2,000 ล้านบาทจะมาจากการเงินกู้สถาบันทางการเงิน โดยแยกเป็นเงินจำนวน 5-6 พันล้านบาทใช้ขยายพื้นที่โรงงานให้เช่าราว 4 แสนตารางเมตร และคลังสินค้าให้เช่า ส่วนที่เหลือเป็นการใช้ซื้อที่ดินเปล่าเพิ่ม
นายวีรพันธ์ กล่าววว่า บริษัทได้นำกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท(TGROWTH) เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้เป็นวันแรก มูลค่าเงินที่ระดมทุนจำนวน 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการลงทุน สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโรงงาน จำนวน 38 โรง จาก TICON เป็นระยะเวลา 30 ปี และสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารคลังสินค้าจาก บมจ.ไทคอน โลจิตติคส์ พาร์ค(ทีพาร์ค) จำนวน 50 ยูนิต ระยะเวลา 30 ปี คาดว่าจะสามารถบันทึกรายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
"รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทั้งปียังคงเป้ารายได้และกำไรเติบโตไว้ที่ 30%"นายวีรพันธ์ กล่าว
บริษัทมีแผนระดมทุนด้วยการขยายกองทุนเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/57 มูลค่า 500 ล้านบาท และมองว่าหลังจากที่หลักเกณฑ์ของกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)มีความชัดเจน บริษัทก็จะแปลงสภาพจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นกอง REIT มูลค่าสินทรัพย์ 6,000 ล้านบาท และจะมีการขายสินทรัพย์เพิ่มเติมอีก มูลค่า 6,000 ล้านบาท รวมเป็น 12,000 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ มองว่าไม่ได้รับผลกระทบต่อตัวบริษัทโดยตรง เนื่องจากต่างประเทศมองว่าไทยยังเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งหลายบริษัทยังต้องการมองหาที่ดินเพื่อขยายกิจการ แต่อาจกระทบต่อการจัดทำการศึกษาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EIA และ HIA) ดังนั้น เมื่อซื้อที่ดินแล้วจึงยังไม่สามารถส่งมอบได้ทันที แต่ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น