ปัจจุบัน NAV ของทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 2.92 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.76% จากสิ้นปี 55 ซึ่งเป็นกองทุน RMF จำนวน 123 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์รวม 132,218 ล้านบาท และกองทุน LTF จำนวน 52 กองทุน มูลค่าสินทรัพย์รวม 205,253 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ช่วงไตรมาส 4/56 ชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน รวมถึงมีเงินไหลออกจากประเทศจำนวนมาก โดยไหลกลับไปลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าไทย แต่ยังเชื่อมั่นว่าใน 2 สัปดาห์ที่เหลือของปีนี้ จะมีนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก
"ปีนี้เหมือนหลายปีที่ผ่านมา โดยปีก่อนการลงทุนได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี ซึ่งในไตรมาส 4 ปกติจะมีเงินเข้ามาลงทุนเยอะมาก แต่ปีนี้จะเห็นภาพที่ชะลอตัวลง จากความไม่แน่นอนของนักลงทุน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล มีปัจจัยมาจากกระแสเงินที่มีลักษณะไหลคืน จากปีก่อนที่มีเงินไหลเข้ามาอย่างมาก การไหลกลับของเงินจะกลับไปสู่ประเทศที่มีการพัฒนา รวมถึงมาจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศที่ส่งผลกระทบอีกด้วย แต่เชื่อว่า 2 สัปดาห์ที่เหลือน่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากในการใช้สิทธิลงทุนในกองทุนรวม"นายสมจินต์ กล่าว
สำหรับในปี 57 แนวโน้มการเข้ามาลงทุนใน LTF และ RMF น่าจะเพิ่มขึ้นกว่าปีนี้ ตามการเติบโตของรายได้ของผู้ลงทุน ประกอบกับตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวที่ดีขึ้นต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาส่งผลกระทบ ซึ่งแนะนำนักลงทุนกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นการลงทุนในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนต่างประเทศควรเป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น ยุโรปและสหรัฐฯ
ส่วนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดขนาด QE ลงจากเดิมเดือนละ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหลือ 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มองว่าเป็นการปรับลดขนาด QE ที่ไม่หวือหวามากนักในช่วงที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้น