ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 67,102 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 19, 2013 17:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 67,102 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 53,217 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 79.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,343 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,039 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB15DA (รุ่นอายุ 3.5 ปี, 5.5 ปี และ 2.0 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,343 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON141A) มูลค่า 223.9 ล้านบาท

2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 180.7 ล้านบาท

3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT14DA) มูลค่า 140.6 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 545.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 23,579 ล้านบาท

2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,975 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,965 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.34% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.51% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ค่อนข้างคงที่ โดยปรับลดลงเล็กน้อยในพันธบัตรรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 bp. ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีมติลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนเหลือ 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (จาก 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยยังคงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ที่กรอบ 0.00-0.25% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,965 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ