บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยสะสม"หุ้น บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย)หรือ CCET ราคาเหมาะสม 4.00 บาท ประเมินว่าการปรับลดวงเงิน QE ลง US$1 หมื่นล้าน เหลือเดือนละ US$7.5 หมื่น ตั้งแต่ ม.ค.2557 เป็นต้นไป จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะส่งผลให้ค่าเงิน US Dollar มีทิศทางแข็งค่าขึ้น และค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง
ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุล USD อ่อนค่าลงถึง -4% QTD จากสิ้นสุด 3Q56 ที่ 31.22 บาท / USD เป็น 32.46 บาท / USD วานนี้ และ -6.2% YTD เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2556 ที่ 30.54 บาท / USD เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ เนื่องจากยอดขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป จะส่งผลบวกให้ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ขยายตัวในปี 2557
นอกจากนี้ คาดว่ากำไรปี 2557 มีแนวโน้มเติบโต +22.9% yoy เป็น 1,478 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Printer ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง
อีกทั้ง เชื่อว่าหุ้น Laggard ในปีนี้ จะมี Upside ที่น่าสนใจกว่าหุ้นที่ขยับขึ้นมามากแล้ว โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น CCET ปรับตัวลง -5.6% สวนทางกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ที่ +27.6% และหุ้นหลักในกลุ่ม ได้แก่ DELTA +55.4% และ KCE +107.7%
ด้านราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 8.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ที่ 10.6 เท่า และคาดการณ์เงินปันผล 2H56 หุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.6% และปี 2557 ที่ 5.9%