ทริสฯ จัดเครดิตหุ้นกู้ PS วงเงินไม่เกิน 2 พันลบ.ที่ระดับ “A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 20, 2013 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ที่ระดับ “A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A" ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นในต้นปี 2557

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูง รวมถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง รวมถึงความกังวลในด้านต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ปรับตัวสูงขึ้นและภาวะขาดแคลนแรงงานในกลุ่มผู้รับเหมาด้วย

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากได้ตามแผน และจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 55%

PS เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ เดือนมีนาคม 2556 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 74% ของหุ้นทั้งหมด ณ เดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากถึงประมาณ 200 โครงการ โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) รวมทั้งสิ้นประมาณ 63,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 42,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยทาวน์เฮ้าส์ซึ่งคิดเป็น 41% ของมูลค่าโครงการเหลือขายทั้งหมด รวมทั้งบ้านเดี่ยว 34% คอนโดมิเนียม 24% และโครงการในต่างประเทศอีก 1% โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ 1.7 ล้านบาทต่อหน่วย

ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปและการบริหารจัดการงานก่อสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวโดยบริษัทเอง ทั้งนี้ ชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปที่ผลิตได้เป็นจำนวนมากช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายที่ได้เปรียบคู่แข่ง

ยอดขายของบริษัทในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2556 เท่ากับ 40,435 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ายอดขายทั้งปี 2555 ที่ 29,365 ล้านบาท โดยยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2556 เท่ากับ 15,349 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6,759 ล้านบาทของปี 2555 ยอดขายของทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวเติบโต 11% และ 8% ตามลำดับ

รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 25,143 ล้านบาท โดยรายได้จากทาวน์เฮ้าส์เติบโตขึ้น 35% เป็น 13,716 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 สัดส่วนรายได้จากทาวน์เฮ้าส์ยังคงมากกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมด จากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวน 42,000 ล้านบาท ณ เดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทมีแผนจะส่งมอบและรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2557-2558

อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ในช่วง 18% ถึง 21% ในช่วงปี 2553 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในช่วงปี 2553 ถึงเดือนกันยายน 2556 อยู่ที่ 47%-55% ซึ่งสูงกว่าในอดีตเนื่องจากบริษัทมีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วและมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของบริษัทก็ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 19% ในปี 2555 และ 16% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) บริษัทมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวนมากถึง 19,000 ล้านบาท ณ เดือนพฤศจิกายน 2556 ซึ่งทำให้บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ